แม้ว่าในช่วง1-2วันที่ผ่านมาแบงก์ชาติเมียนมา (CBM)จะออกประกาศสั่งให้ธุรกิจ-ผู้กู้รายย่อยระงับชำระหนี้ต่างประเทศ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ไม่ว่าจะในรูปของเงินสดหรือรูปแบบอื่นใดก็ตาม หลังทุนสำรองเงินตราต่างประเทศลดลงอย่างต่อเนื่องนั้นสร้างความแตกตื่นและกังวลแก่นักลงทุนที่เข้าไปลงทุนในเมียนมาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างๆ แต่สำหรับประเทศไทยแม้ว่านักลงทุนไทยโดยเฉพาะรายใหญ่-กลางจะได้รับผลกระทบจากประกาศนี้
แต่การค้าขายตามชายแดนยังคงเดินหน้าเป็นปกติ เนื่องจากตลาดส่งออกสำคัญทั้งนำเข้าและส่งออกของเมียนมา มีไทยเป็น1ในประเทศคู่ค้าที่สำคัญรองจากจีน ญี่ปุ่น เยอรมัน อินเดียส่วนตลาดนำเข้าสำคัญของเมียนมาก็ยังมีไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซียและมาเลเซีย
โดยมูลค่าการค้าไทยกับเมียนมาผ่านชายแดนและผ่านแดน ในช่วง5เดือนของปีนี้(มกราคม-พฤษภาคม) มีมูลค่ารวม112,016ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน35.84% แบ่งเป้นการส่งออก61,653ล้านบาท เพิ่มขึ้น35.49% การนำเข้า 50,363ล้านบาท เพิ่มขึ้น36.28% ไทยยังได้ดุลการค้า11,290ล้านบาท
โดยผ่านด่านศุลกากรสำคัญ4แห่ง ทั้งส่งออก/นำเข้า คือด่านแม่สอด มีมูลค่าส่งออก43,995ล้านบาท และนำเข้ามีมูลค่า15,282ล้านบาท ด่านระนอง ส่งออกมีมูลค่า7,833ล้านบาท และการนำเข้า 3,380ล้านบาท ด่านแม่สาย การส่งออกมูลค่า7,593ล้านบาท และการนำเข้า1,157ล้านบาท และด้านประจวบคีรีขันธ์ การส่งออก1,584ล้านบาทและการนำเข้า1.06ล้านบาท
ทั้งนี้สินค้าส่งออกหลักของไทยไปตลาดเมียนมาในช่วง5เดือน (มกราคม ถึงพฤษภาคม) เทียบปี2564กับปี2565 ประกอบด้วย
โดยภาพรวมการส่งออกรวมของไทยไปเมียนมาช่วง5 เดือนมีมูลค่า2,078ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเพิ่มขึ้น21%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มูลค่า1,715ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนสินค้าหลักที่ไทยนำเข้าจากตลาดเมียนมา ประกอบด้วย
ส่งผลให้ภาพรวมการนำเข้าสอนค้าจากเมียนมาของไทยในช่วง5เดือนอยู่ที่1,511ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า1,213ล้านดอลาร์สหรัฐ