ส่องค้าชายแดนไทย-เมียนมา 5 เดือนขยายตัว23.28%

หลังจากที่แบงก์ชาติเมียนมา (CBM) สั่งธุรกิจ-ผู้กู้รายย่อยระงับชำระหนี้ต่างประเทศ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ไม่ว่าจะในรูปของเงินสดหรือรูปแบบอื่นใดก็ตาม หลังทุนสำรองเงินตราต่างประเทศลดลงอย่างต่อเนื่องนั้นสร้างความแตกตื่นและกังวลแก่นักลงทุนที่เข้าไปลงทุนใสเมียนมาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อมั่นที่กำลังจะขยายฐานการลงทุนหรือเข้าไปลงทุนในเมียนมาแล้วต้องหาทางปรับแผนการชำระหนี้จากการลงทุน 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าทางธนาคารกลางของเมียนมาจะออกประกาศระงับการชำระหนี้ต่างประเทศ แต่ภาคการค้าชายแดนยังคงเดินหน้าปกติไม่ได้รับผลกระทบ โดยจะเห็นได้จากการส่งออกชายแดน 5 เดือนแรกการค้าชายแดนกับ 4 ประเทศ (มาเลเซีย สปป.ลาว เมียนมา และกัมพูชา) มีมูลค่า267,052ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อน17.24% การนำเข้า มีมูลค่า174,737ล้านบาทเพิ่มขึ้น21.91% ไทยได้ดุลการค้ามูลค่า92,315ล้านบาท ส่งผลให้มีมูลค่ารวม 441,788ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง19.04% 

โดยเดือนพฤษภาคมไทยมีมูลค่าการค้ากับเมียนมามูลค่าการค้ารวม 88,516 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +16.89% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออก55,002 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +16.33% และการนำเข้า 33,514 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +17.81% ส่งผลให้   5 เดือน มีมูลค่ารวม108,960ล้านบาทเพิ่มขึ้น38.12%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นส่งออก 59,985 ล้านบาท (+34.25%) มูลค่าการนำเข้า48,974ล้านบาทเพิ่มขึ้น43.17% ไทยได้ดุลการค้ามูลค่า11,012ล้านบาท สินค้าส่งออกสำคัญ

ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันสำเร็จรูปอื่น ๆ และ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์

ทั้งนี้มาเลเซียยังเป็นเบอร์หนึ่งของการค้าชายแดนที่มีมูลค่าสูงสุด  สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ยางพารา รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ  

  กัมพูชา สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ  และสปป.ลาว  สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันสำเร็จรูปอื่น ๆ และ ทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูป

ทั้งนี้สาเหตุที่การค้าชายแดนยังคงเติบโตต่อเนื่อง มากการที่กระทรวงพาณิชย์มีกิจกรรมส่งเสริมการค้าชายแดน โดยในปี 2565 กรมการค้าต่างประเทศมีแผนจัดงานมหกรรมการค้าชายแดนใน 8 จังหวัดเป้าหมาย ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว 4 จังหวัด คือ จังหวัดนครพนม แม่ฮ่องสอน สงขลา และ ยะลาคงเหลืออีก 4 จังหวัด คือ จันทบุรี สระแก้ว เชียงราย และอุบลราชธานี ซึ่งกิจกรรมภายในงานจะประกอบด้วย การแสดงและจำหน่ายสินค้าส่งออกชั้นนำ การเจรจาจับคู่ธุรกิจ การอบรม/สัมมนา และ การประชุมร่วมภาครัฐและเอกชน 

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”กล่าวว่าการค้าขายไทย-เมียนมาก็ยังคงมีการซื้อขายสินค้ากับไทยเป็นปกติแต่การชำระเงินจะเป็นในรูปเงินบาทไม่ใช้เป็นเงินดอลลาร์และเมื่อ3 มี.ค. 65 เมียนมาอนุญาตให้ใช้เงินสกุลบาท-จ๊าตชำระเงินค่าการค้า ระหว่างประเทศได้โดยตรง ณ บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา

ดังนั้นทำให้ทุกวันนี้ไทยใช้สกุลเงินบาทในการค้าขายกับเมียนมา จึงไม่มีปัญหาเรื่องการผิดนัดชำระหนี้กับสถานบันการเงินส่วนผลกระทบมี 2 แบบคือ นักลงทุนต่างชาติเหนื่อยแน่นอน และการผลิตอาจจะหยุดชะงัก  แต่ธุรกิจที่อยู่ในเมียนมาจะได้ไม่รับผลกระทบตรงนี้สำหรับมูลค่าการค้ารวมไทยเมียนมาปี2564 มีมูลค่า7,143ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น8.1% แบ่งเป็นส่งออกมีมูลค่า3,798ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น13.60% และการนำเข้ามีมูลค่า2,795ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น9.7%