ผ่านมาแล้วครึ่งปีสำหรับการส่งออกไทยที่ฝ่าฟันปัจจัยเสี่ยงมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมาท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงอย่างการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ต่อเนื่องมาถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลสะเทือนไปทั่วโลก ส่งผลให้ทั่วโลกเกิดการขาดแคลนวัตถุดิบที่จะนำมาผลิตสินค้า เพราะรัสเซียและยูเครนต่างเป็นผู้ส่งออกสินค้าวัตถุดิบอันดับต้นๆของโลก
สำหรับการส่งออกของไทยในเดือนมิถุนายน 2565 ยังคงขยานตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16 ถึง11.9% มีมูลค่า 26,553.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหากเป็นรูปแบบเงินบาทมีมูลค่า907,286 ล้านบาท แต่หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 10.4 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเป็นแรงหนุนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของการส่งออกในเดือน มิ.ย. สะท้อนความสามารถในการผลิตสินค้าอาหารของไทยป้อนสู่ตลาดโลก
ขณะที่การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังคงเติบโตตามการขยายตัวของภาคการผลิตโลก สอดคล้องกับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตโลก (Global Manufacturing PMI) ที่อยู่เหนือระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 24 สำหรับด้านตลาดส่งออกสำคัญส่วนใหญ่ขยายตัวต่อเนื่องทั้งตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ อาเซียน สหภาพยุโรป และตลาดรอง ได้แก่ เอเชียใต้ ทวีปออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา ทั้งนี้ การส่งออกไทยครึ่งแรกของปี 2565 ขยายตัว 12.7% และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 9%
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว 24.5% ต่อเนื่อง 19 เดือน ซึ่งสินค้าสำคัญที่ขยายตัวดี เช่น
ส่วน สินค้าสำคัญที่ติดลบ เช่น เครื่องดื่ม ติดลบ 7.6% สิ่งปรุงรสอาหาร ติดลบ 4.4%เป็นการติดลบต่อเนื่อง 2 เดือน เครื่องเทศและสมุนไพร ติดลบ 42.1% ติดลบต่อเนื่อง 8 เดือน ส่งผลให้ภาพรวมของการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ครึ่งแรกของปี 2565 ขยายตัว7.1%
ขณะที่การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 6.7% ต่อเนื่อง 16 เดือน โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัวดี ได้แก่
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ติดลบ 6%ต่อเนื่อง 6 เดือน ผลิตภัณฑ์ยาง ติดลบ 4.9% และรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ติดลบ 24.4%ต่อเนื่อง 2 เดือน ส่งผลให้ครึ่งแรกของปี 2565 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว10.5%
โดยตลาดส่งออกสำคัญๆของไทยยังคงขยายตัวต่อเนื่องตามคำสั่งซื้อจากประเทศคู่ค้าที่ยังมี ท่ามกลางปัจจัยกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงจากผลกระทบของความขัดแย้งในยูเครนที่ยืดเยื้อ และอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปจีนและญี่ปุ่นยังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ยังซบเซาจากผลกระทบของมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เข้มงวด
โดย ตลาดหลัก ยังขยายตัว11.9% เช่นตลาดสหรัฐฯ ขยายตัว 12.1% อาเซียน (5)ขยายตัว 35.6% CLMV ขยายตัว19.5% สหภาพยุโรป (27)ขยายตัว 5% ขณะที่ตลาดจีน และญี่ปุ่น กลับมาติดลบ 2.7% และ 1%ตามลำดับ
ตลาดรอง ขยายตัว 13.2% เชนตลาดเอเชียใต้ ขยายตัว 49.5% ทวีปออสเตรเลีย ขยายตัว 4.9% ตะวันออกกลาง ขยายตัว 24% ทวีปแอฟริกา ขยายตัว 12.1% และลาตินอเมริกา ขยายตัว 17.2% ขณะที่รัสเซียและกลุ่ม CIS 9bf][ 46.8% และ (3) ตลาดอื่น ๆ ติดลบ 18.3% เช่น สวิตเซอร์แลนด์ ติดลบ 66.7%
อย่างไรก็ตามแม้ว่าส่งออกไทยจะขยายตัวต่อเนื่อง แต่กระทรวงพาณิชย์ยังไม่ปรับทั้งปีที่วางไว้4% แม้ว่า6เดือนแรกการส่งออกไทยจะขยายตัวถึง12.7% ซึ่งเกินกว่าเป้าไปถึง3เท่าและแม้จะไม่ปรับตัวเลขส่งออกทุกฝ่ายก็ทำงานอย่างเต็มทีอยู่แล้ว