สงครามรัสเซีย-ยูเครน ผ่านมา 5 เดือนแล้ว ยังมีความยืดเยื้อและส่อรุนแรงขึ้น หลังชาติตะวันตกและชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ ยังให้การสนับสนุนเงินและอาวุธแก่ยูเครน และออกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียอย่างเข้มข้น ผลทางตรงและทางอ้อม กระทบต่อการค้าไทย-รัสเซียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยตัวเลขการค้าไทย-รัสเซีย ช่วง 5 เดือนแรกปี 2565 ในรูปเงินบาท มีมูลค่าการค้ารวม 32,030.48 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.53% โดยไทยส่งออก 8,263.88 ล้านบาท ลดลง 25.53% นำเข้า 23,766.60 ล้านบาท ลดลง 5.34% โดยไทยขาดดุลการค้ารัสเซีย 15,502.73 ล้านบาท
สำหรับสินค้าส่งออกของไทยไปรัสเซีย 5 อันดับแรก ช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ ประกอบด้วย รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มูลค่า 2,418.72 ล้านบาท ลดลง 28.17% ผลิตภัณฑ์ยาง 1,055.47 ล้านบาท ลดลง 3.24%, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 479.86 ล้านบาท ลดลง 29.78%, เม็ดพลาสติก 457.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.05% และผลไม้กระป๋องและแปรรูป 341.24 ล้านบาท ลดลง 29.61%
ส่วนสินค้านำเข้า 5 อันดับแรกของไทยจากรัสเซีย ประกอบด้วย น้ำมันดิบ มูลค่า 9,750.46 ล้านบาท ลดลง 19.59%, ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ 4,841.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171.02%, สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ 3,053.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.79%, เครื่องเพชร พลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ 1,903.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87.83% และสัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป 1,222.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.22%
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การค้าไทย-รัสเซียที่ลดลงอย่างมากในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ มีปัจจัยสำคัญจากรัสเซียถูกแซงชั่น หรือคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างเข้มข้นรอบด้านจากชาติตะวันตกจากการบุกยูเครนของรัสเซีย มีการตัดธนาคารรัสเซียบางส่วนออกจากระบบ SWIFT ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ ที่สถาบันการเงินหลายพันแห่งทั่วโลกใช้งาน ทำให้ระบบการโอนเงิน หรือชำระเงินค่าสินค้าของประเทศที่ทำการค้ากับรัสเซียต้องผ่านประเทศที่เป็นกลางหรือประเทศที่สาม เช่น ตะวันออกกลาง จีน ทำให้มีต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้รัสเซียยังถูกแซงชั่นสายการบิน สายเดินเรือ ทำให้การขนส่ง และการค้าต้องส่งทางบกผ่านประเทศที่สามทำให้ระบบการขนส่งมีข้อจำกัด มีความไม่แน่นอน และมีต้นทุนเพิ่มขึ้น ส่งผลผู้ส่งออกขนาดกลางและขนาดเล็ก(เอสเอ็มอี) ของไทยไปรัสเซียต้องชะลอการทำการค้า ขณะที่บริษัทส่งออกขนาดใหญ่ในสินค้าที่ยังพอมีมาร์จิ้น (กำไร) บางรายยังทำการค้าอยู่ แต่ภาพรวมทำให้การค้าไทย-รัสเซียลดลงมาก รวมถึงการค้าไทย-ยูเครนที่เป็นคู่สงครามกับรัสเซียก็ลดลงมากเช่นกัน (การค้าไทย-ยูเครน 5 เดือนแรกปี 2565 มีมูลค่าเพียง 2,000.31 ล้านบาท ลดลง 41.55% โดยไทยส่งออก 695.94 ล้านบาท ลดลง 60.55% นำเข้า 1,313.37 ล้านบาท ลดลง 21.52%)
“การค้าขายไทย-รัสเซียเวลานี้ไม่สะดวกในหลายด้าน หากเป็นสินค้าอาหารมาร์จิ้นต่ำ ต้นทุนค่าขนส่งแพงส่งไปก็ไม่คุ้ม เม็ดพลาสติกราคายังไปได้ บริษัทที่ส่งออกไปส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ก็ยังมีส่งสินค้าออกไป ขึ้นกับแต่ละบริษัทจะหาช่องทางส่งออกไปได้อย่างไร อย่างไรก็ดีการค้าไทย-รัสเซีย ไทย-ยูเครน ในครึ่งหลังของปีนี้จะยังไม่ดีขึ้น หากสงครามยังยืดเยื้อ ทั้งปีนี้มูลค่าการค้าน่าจะลดลงจากปีที่แล้ว 40-50% (ปี 2564 ไทยค้ากับรัสเซีย 87,310 ล้านบาท ค้ากับยูเครน 12,890 ล้านบาท)"
อย่างไรก็ตามอนาคตส่งออกไทยไปรัสเซียจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นกับสถานการณ์จะบานปลายหรือไม่ แต่จากสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน สงครามมีแนวโน้มจะยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น ซึ่งทางออกคือคงต้องหาตลาดอื่นชดเชย