สรท.แนะรับมือวิกฤติโลก ไทยต้อง2รุก2รับมองหาโอกาสในตลาดใหม่-ตลาดเก่า

01 ส.ค. 2565 | 09:13 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ส.ค. 2565 | 16:30 น.

สรท.แนะรับมือวิกฤติโลก ไทยต้อง2รุก2รับ มองหาโอกาสตลาดใหม่-ตลาดเก่า ทั้งตะวันออกกลาง อินเดีย  อาเซียน สหรัฐ จีน ที่ยังเป็นตลาดน่าสนใจในปีนี้ แล้วไทยจะรอดในวิกฤติโลก มั่นใจส่งออกไทยทั้งปีขยายตัว8-10%

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยในงานสัมมนา Thailand Survival ไทย จะรอดอย่างไรในวิกฤติโลก  ในหัวข้อ โอกาสและความเสี่ยงจากวิกฤติเศรษฐกิจ ว่าประเทศไทยผ่านมุมมองวิกฤติต่างๆ ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยผ่านมุมมองมิติต่างๆผ่านสินค้า  การขนส่ง โดยเฉพาะการขาดแคลนตู้คอนเทรน์เนอร์ว่าจะขาดแคลนต่อหรือไม่ และในอนาคตจะเป็นอย่างไรและไทยจะรับมืออย่างไร ซึ่งการตั้งโจทย์สำคัญสุดทำอย่างไรถึงเอาตัวรอดไปให้ได้ในวิกฤตินี้อย่างไร  ถ้าเราเปลี่ยนจาก Thailand Survival เป็นไทยแลนด์สู้ๆ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการมองหาโอกาสและจุดแข็งของไทยคืออะไร

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)

เพื่อให้ได้ไทยแลนด์สู้ๆไม่ใช่ Survival ในช่วง10ปีที่ผ่านมาการส่งออกของไทยมีการขยายตัวสูงมาก และยังขยายตัวต่อเนื่องโดยไตรมาสแรกปีนี้ไทยส่งออกขยายตัว14% ไตรมาส2 ขยายตัว10%  ส่งผลให้ครึ่งปีแรก ส่งออกไทยขยายตัว12% คำถามต่อไปคือ  เราจะทำอย่างไรต่อไปในโอกาสที่มี2ปัจจัย  คืออัตราแลกเปลี่ยนของไทย ซึ่งเรียกได้ว่า อ่อนแรงได้ดีและอ่อนค่ากว่าประเทศอื่นถ้าเทียบช่วงก่อนโควิด ไทนยมีอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าไปถึง17% ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอ่อนค่า4-5% ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของการส่งออกไทย

สรท.แนะรับมือวิกฤติโลก  ไทยต้อง2รุก2รับมองหาโอกาสในตลาดใหม่-ตลาดเก่า

และปัจจัยที่2 คือ มิติของการส่งออกด้านสินค้า ซึ่งสินค้าเด่นๆมี3สินค้า ประกอบด้วย อาหารและสินค้าเกษตรที่ไทยส่งออก30%ของการส่งออกทั้งหมด มี3รายการคือ “ข้าว”  โดย 6 เดือนไทยส่งออกข้าวมากกว่า3.5ล้านตัน เทียบกับปีก่อนช่วงเดียวกันที่มีปริมาณ2ล้านกว่าตัน  ดังนั้นมั่นใจว่าทั้งปีไทยน่าจะส่งออกข้าวได้7-7.5ล้านตัน ตามที่สมาคมผู้ส่งออกข้าวตั้งเป้าไว้   “อาหาร” ตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้โลกมีความต้องการอาหารมากขึ้น โดยเดือนพ.ค.ไทยส่งออกกลุ่มอาหารโตถึง24-25%ครึ่งปีแรกโตถึง10%  และสุดท้ายคือ “น้ำตาล” ที่โตถึงโตถึง90% เพราะนำตาลสามารถนำไปเป็นพืชพลังงานได้

สรท.แนะรับมือวิกฤติโลก  ไทยต้อง2รุก2รับมองหาโอกาสในตลาดใหม่-ตลาดเก่า

ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมต้องยอมรับว่ายังไม่ดีโดย6เดือน(ม.ค.-มิ.ย.) ขยายตัวเพียง10% โดยกลุ่มยานยนต์ยังคงติดลบ10% (6เดือนแรกของปีนี้) เนื่องจากขาดแคลนชิปที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตซึ่งครึ่งปีหลังคงต้องมาลุ้นต่อว่าปัญหาการขาดแคลนชิปจะกลับมาดีขึ้นหรือไม่  แต่ที่ขยายตัวได้ดีเช่น เม็ดพลาสติกและสิ่งทอที่ยังขยายตัว

“วันนี้ประเทศไทยพอใจหรือยัง ดังนั้นครึ่งปีหลังเราต้องทำอย่างไร ต้องกลับมามองว่าประเทศไหนที่ยังมีโอกาส ส่งออกไทยตอนนี้กระจายไปทั่วโลก เช่น ตลาดสหรัฐฯขยายตัว17% และคาดว่ายังโตต่อเนื่องสังเกตุได้จากจำนวนเรือขนส่งสินค้าที่ยังหนาแน่นตามท่าเรือต่างๆ  ตลาดจีนยังติดหล่มที่ทางรัฐบาลยังคงนโยบายซีโร่โควิด ดังนั้นส่งออกไปจีนยังงไม่ดีเท่าที่ควร ตลาดอาเซียนยังโตต่อเนื่อง  รวมถึงตะวันออกกลาง และอินเดียที่ยังเป็นตลาดที่น่าสนใจ”

อย่างไรก็ตาม สรท ฟันธงว่า ถ้าครึ่งปีแรกไทยส่งออกได้ถึง12% และถ้าครึ่งปีหลังไม่โตหรือโตแค่5% ทั้งปีจะโตที่6.2-8.7%  แต่ถ้าครึ่งปีส่งออกโต7.5% นั้นหมายความว่าไทยทั้งปีจะโต10% ดังนั้นไทยต้องมีกลยยุทธ์ คือ 2รุก2รับ 2รุกคือ มองหาตลาดที่ยังมียังมีโอกาสโตต่อเนือง ไม่วาจะเป็น ตลาดอาเซียน ตลาดอาร์เซ็ป ตลาดตะวันออกกลาง ตลาดอินเดีย ที่ไทยต้องรีกรุกและรับ และอีกสำคัญคือการบริการสภาพคล่องของผู้ประกอบการ  การลดต้นทุนการผลิตเพราะราคาพลังงานคือคีย์สำคัญที่ผู้ประกอบการไทยแบกรับอยู่  ไทยต้องเอาข้อมูลที่เป็นจริงมากำหนดกลยุทธ์