บุกสปป.ลาว “ศักดิ์สยาม” นำทัพ “Team Thailand” 7 กระทรวงฯ ถกไฮสปีดไทย-ลาว-จีน

08 ส.ค. 2565 | 06:43 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ส.ค. 2565 | 13:52 น.

“ศักดิ์สยาม” นำทัพ “Team Thailand” 7 กระทรวงฯ-ผู้ประกอบการเอกชน บุกสปป.ลาวเริ่ม 30 ส.ค.-1 ก.ย.นี้ เล็งถกเชื่อมไฮสปีดไทย-ลาว-จีน อัพเกรดระบบขนส่งทางราง ลุยตั้งคณะทำงานร่วม 5 ประเทศ ดันลงทุนเมกะโปรเจกต์ แก้ปัญหาคอขวด

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 30 ส.ค.-1 ก.ย. 2565 “Team Thailand” ซึ่งประกอบด้วย กระทรวงคมนาคม, กระทรวงการคลัง, กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงภาคเอกชน อาทิ สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมลงพื้นที่ สปป.ลาว เพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการเชื่อมต่อทางรถไฟ ช่วงหนองคาย–เวียงจันทน์ พร้อมทั้งนั่งรถไฟลาว-จีน เชื่อมไปยังหลวงพระบางด้วย โดยมีผู้บริหารระดับสูงของ สปป.ลาว และผู้ประกอบการเอกชนเข้าร่วมด้วย

 

 

สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งดังกล่าว เพื่อศึกษาสภาพและศักยภาพของพื้นที่ตลอดแนวเส้นทางของโครงการฯ เพื่อนำมาประเมินอุปทานด้านการคมนาคม และจัดทำแผนการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทย รองรับการขนส่งทั้งผู้โดยสาร และสินค้า รวมถึงศูนย์บริการตรวจคนเข้าเมืองแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว (One Stop Service) ซึ่งถือเป็นการบูรณาการการเชื่อมโยงโครงข่ายทางรถไฟระหว่างไทย-ลาว-จีน ในการเพิ่มขีดความสามารถ และศักยภาพระบบโลจิสติกส์ไทยด้วยการขนส่งผ่านระบบราง ที่จะช่วยลดต้นทุนทางด้านเวลาและด้านโลจิสติกส์
 

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้กรมทางหลวง (ทล.) ไปดำเนินการศึกษาสำรวจออกแบบการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 7 หรือสะพานมิตรภาพไทย–ลาว (หนองคาย–เวียงจันทน์ แห่งที่ 2) เนื่องจาก ทล. มีประสบการณ์การก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย–สปป.ลาวมาแล้ว 6 แห่ง โดยจะใช้งบประมาณเหลือจ่าย วงเงินศึกษาประมาณ 10 ล้านบาท โดยจะใช้ระยะเวลาศึกษา 6 เดือน คาดว่า จะศึกษาแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2566

 

 

 

นอกจากนี้ทล.จะมีการศึกษาเปรียบเทียบว่า สะพานดังกล่าว จะรองรับรถไฟเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อพิจารณาแล้วเมื่อสร้างสะพานแล้วก็ควรให้สามารถรองรับได้ทั้งหมด ทั้งรถยนต์, รถไฟความเร็วสูง และรถไฟทางคู่ แบบไม่ต้องรอหลีกทาง อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นเห็นด้วยว่า สะพ่นดังกล่าว จะมีทางรถไฟ ส่วนจะมีเส้นทางสำหรับรถยนต์หรือไม่นั้น จะต้องมีการหารืออีกครั้ง เนื่องจากทาง สปป.ลาว แจ้งว่า ใช้งบประมาณสูง ซึ่งในตามปกตินั้น การก่อสร้างจะลงทุนคนละครึ่งระหว่างไทย–สปป.ลาว
 

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ ไปพิจารณาถึงเส้นทางรถไฟจีน-ลาว ที่เป็นทางเดียว (Single Track) ขณะที่ไทยเป็นทางคู่ โดยนายกรัฐมนตรีให้ไปพิจารณาว่า จะเกิดปัญหาคอขวดหรือไม่ นอกจากนี้ ยังรวมถึงเส้นทางด้านใต้เชื่อมต่อไปยังประเทศมาเลเซียด้วย ทั้งนี้ จากการหารือร่วมกับมาเลเซียไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น เห็นควรตั้งคณะทำงานร่วมกัน 5 ประเทศ ระหว่างจีน-ลาว-ไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์ โดยมีประเทศไทยเป็นคนกลางในการเชื่อมต่อดังกล่าว เพื่อแก้ปัญหาคอขวด และให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่มากที่สุด