หลังจาก สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 และแนวโน้มปี 2565 โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทย ไตรมาสที่ 2 ขยายตัว 2.5% และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2565 อยู่ที่ขยายตัว 2.7 - 3.2%
โดยเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไทยยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยประเมินว่า ในปี 2565 มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น 7.9% การอุปโภคบริโภค ขยายตัว 4.4% และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 3.1%
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วง 6.3 – 6.8% และดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 1.6% ของ GDP
ขณะเดียวกันยังมีตัวเลขหนึ่งที่น่าสนใจ นั่นคือ รายได้ต่อหัวคนไทย ในปี 2565 สศช. ได้ประเมินตัวเลขทั้งปีออกมา สรุปได้ดังนี้
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ปี 2564 เป็นผลมาจากส่งออกสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น โดยไตรมาสแรกปี 2565 ขยายตัว 2.3% และในไตรมาสที่ 2 ขยายตัวได้ 2.5% ทำให้ช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.4%
อย่างไรก็ตามหากจะทำให้ตัวเลขรายได้ต่อหัวของไทยเป็นไปตามเป้าหมาย สศช. ได้มีข้อเสนอแนะถึงการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในช่วงที่เหลือของปี 2565 ควรให้ความสำคัญกับเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
1.การติดตามและดูแลกลไกตลาดเพื่อให้ราคาสินค้าเคลื่อนไหวสอดคล้องกับต้นทุนการผลิต ควบคู่ไปกับการดูแลกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มที่มีความเปราะบางต่อการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและภาระดอกเบี้ยแบบมุ่งเป้า
2.การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้เกษตรกร โดยให้ความสำคัญกับเรื่องต่าง ๆ คือ
3.การดูแลและแก้ไขปัญหาหนี้สินของลูกหนี้รายย่อยท่ามกลางแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมทั้งเตรียมมาตรการเพื่อสนับสนุนการปรับตัวของภาคธุรกิจ
4.การรักษาแรงขับเคลื่อนจากการส่งออกสินค้า ทั้ง
5.การสนับสนุนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการเกี่ยวเนื่อง ทั้ง
6.การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน ทั้ง
7.การขับเคลื่อนการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ
8.การติดตาม เฝ้าระวัง และเตรียมมาตรการรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจและการเงินโลก และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์