นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง(นบมส.) ครั้งที่ 2/2565 พร้อมด้วยผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชน ณ สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ว่า ที่ประชุมวันนี้ (12 ก.ย. 2565) มีมติที่สำคัญคือ ได้เห็นชอบให้เดินหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังต่อไปเป็นปีที่ 4
ทั้งนี้มีเงื่อนไขในการประกันรายได้เหมือนกับ 3 ปีที่ผ่านมาทุกประการ คือ ประกันรายได้กิโลกรัม(กก.) ละ 2.50 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 100 ตัน เริ่มตั้งแต่ 1 ธ.ค.2565-1พ.ย.2566 จ่ายเงินส่วนต่าง 12 งวด งบประมาณ 4,743.5 ล้านบาท แต่ขณะนี้ยังไม่ต้องจ่ายเพราะราคามันสำปะหลังกว่า 3 บาทต่อ กก. สูงกว่าราคาประกันรายได้ที่ 2.50 บาทต่อ กก.มาเป็นปีแล้ว
ที่ประชุมยังเห็นชอบมาตรการคู่ขนานประกันรายได้มันฯ คือ 1.ช่วยดอกเบี้ย 3% กับเกษตรกรรายย่อย เพื่อกู้ไปใช้ในการปลูกมันสำปะหลังตั้งงบไว้ 41.4 ล้านบาท 2.ช่วยดอกเบี้ยสถาบันเกษตรกรที่เก็บสต๊อกมันสำปะหลังไว้ในช่วงที่มันออกมามาก จะได้ไม่ทำให้ราคาตก ตั้งงบไว้ 15 ล้านบาท 3.ช่วยดอกเบี้ย 3% ให้กับลานมัน โรงงานแป้งมันสำปะหลัง หรือโรงงานผลิตเอทานอล ในการนำไปแปรรูปเป็นมันเส้น แป้งมันหรือเอทานอล และเก็บสต๊อกไว้ 3-6 เดือน ตั้งวงเงิน 225 ล้านบาท ซึ่งถ้าจำเป็นจะเพิ่มวงเงินให้อีกในอนาคต งบประมาณมาตรการคู่ขนานรวมกัน 291.4 ล้านบาท เมื่อรวมประกันรายได้และมาตรการคู่ขนานเป็นเงิน 5,035.3 ล้านบาท ซึ่งจะได้เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเร็วต่อไป
นอกจากนี้ที่ประชุมจะมีการติดตามการเดินหน้าให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์มันสำปะหลัง ปี 2564-2567 โดยที่ประชุมมีมติให้ตั้งอนุกรรมการ 2 ชุด เพื่อขับเคลื่อนให้เป็นระบบและเป็นรูปธรรมขึ้นได้แก่ 1.อนุกรรมการด้านการผลิต เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ โดยตั้งแต่ปี 2567 จะต้องได้ผลผลิตต่อไร่ไม่น้อยกว่า 5 ตัน จากปัจจุบันทำได้เพียง 3.48 ตันต่อไร่ 2. ตั้งอนุกรรมการขับเคลื่อนการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะนี้ตลาดต่างประเทศถือว่าทำได้ทะลุเป้าเพราะเป้าตั้งไว้ว่าจะต้องได้ +3% แต่ทำได้ถึง 7% ส่วนตลาดในประเทศตั้งเป้าว่าราคาจะได้ไม่ต่ำกว่า 2.50 บาท แต่ขณะนี้ราคาอยู่ที่ 3.15 บาทต่อ กก.
สำหรับสถานการณ์การผลิตมันสำปะหลังในประเทศไทยปีนี้ คาดการณ์ว่าผลผลิตจะอยู่ที่ 35.8 ล้านตันหรืออาจต่ำกว่านี้ ซึ่งมีปริมาณความต้องการ 42.5 ล้านตัน สูงกว่าปริมาณการผลิตเช่นเดียวกับปีที่แล้ว ปัจจุบันราคาหัวมันสดสูงขึ้นมาก ตลอดปีที่ผ่านมาอยู่ที่เฉลี่ย กก.ละ 3.15 บาท เพิ่มขึ้น 23% มันเส้น กก. ละ 9.20 บาท +21.8% แป้งมัน กก.ละ 17.10 บาท เพิ่มขึ้น 21% โดยสถานการณ์ราคามันสำปะหลังปีนี้ถือว่าดีมาก
สำหรับตัวเลขการส่งออก 7 เดือนแรกปีนี้ ไทยสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังได้แล้ว 22 ล้านตัน +14% แต่เนื่องจากปริมาณไม่พอ จึงจำเป็นต้องนำเข้าส่วนหนึ่ง โดยนำเข้ามาแล้ว 7 ล้านตัน สำหรับตลาดส่งออกของไทยที่ใหญ่ที่สุดคือ จีนสัดส่วน 69% ญี่ปุ่น 8% อินโดนีเซีย 3% เกาหลี 2% โดยการส่งออก สัดส่วนประมาณ 40% เป็นมันเส้น และอีก 60% เป็นแป้งมัน
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า มีข่าวดีสำหรับตลาดส่งออกมันสำปะหลัง โดยขณะนี้ทูตพาณิชย์ไทย ประจำฟิลิปปินส์ประสานผู้นำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ต้องการนำเข้ามันสำปะหลัง จำนวน 37 บริษัทมาเจรจากับผู้ส่งออกมันสำปะหลังไทย ซึ่งได้พบกัน ช่วงวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา และเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จโดยเร็ว ได้มอบหมายให้รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ (นายกีรติ รัชโน) รับผิดชอบบริหารจัดการเรื่องนี้ให้เกิดผลซื้อขายได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งจะมีผลในการช่วยยกระดับราคามันสำปะหลังให้เกษตรกรเพิ่มขึ้น