รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ได้พิจารณาวาระลับ โดยมีการแจกเอกสารและเก็บคืนภายในที่ประชุมทันทีหลังจากที่ประชุมมีมติ เรื่องของคดีเหมืองทองอัครา โดยกระทรวงอุตสาหกรรม เสนอเรื่องผ่านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอมายังที่ประชุมพิจารณา
สำหรับการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เสนอให้ครม. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2563 จากเดิม เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณจำนวน 796.67 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการระงับข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทย กับ บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด (ปีงบประมาณ 2560 - 2564)
เปลี่ยนเป็น เห็นชอบกรอบวงเงินจำนวน 796.67 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการระงับข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทย กับ บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด (ปีงบประมาณ 2560 - 2566) พร้อมทั้งเห็นชอบให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณตามกรอบวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติต่อไป
ทั้งนี้ที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2563 ได้เห็นชอบเพิ่มกรอบวงเงินงบประมาณ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการระงับข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทย กับ บริษัท คิงส์เกต คอนโชลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ไปแล้วโดยกำหนดระยะเวลาไว้ในช่วง ปีงบประมาณ 2560 – 2564 จากกรอบวงเงิน 731.13 ล้านบาท เป็น 796.67 ล้านบาท
สาระสำคัญของกรณีดังกล่าว กระทรวงอุตสาหกรรม แจ้งว่า การแก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทยกับบริษัท คิงส์เกตฯ ในช่วงที่ผ่านมามีความคืบหน้าตามลำดับ ซึ่งครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2565 ก็ได้รับทราบรายงานสถานการณ์และความคืบหน้าแล้ว
โดยล่าสุดคณะอนุญาโตตุลาการได้เลื่อนการออกคำชี้ขาดไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 และในขณะนี้ทั้งสองฝ่ายยังอยู่ในระหว่างการเจรจาแก้ไขปัญหาข้อพิพาท เป็นผลให้การใช้จ่ายในกระบวนการอนุญาโตตุลาการชะลอลงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้ยังคงมีค่าใช้จ่ายบางส่วนเกิดขึ้น เช่น ค่าใช้จ่ายในการประชุมคณะกรรมการดำเนินการระงับข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทย กับบริษัท คิงส์เกตฯ ค่าใช้จ่ายในการให้คำปรึกษาแนะนำของที่ปรึกษากฎหมายฝ่ายไทย เป็นต้น
ทั้งนี้ในการประชุม ครม. ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2565 ที่ประชุมได้รับทราบรายงานสถานการณ์ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทยกับบริษัท คิงส์เกตฯ กรณีเหมืองทองอัครา ซึ่งครั้งนั้นกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เสนอเข้ามารายงานแล้ว
ภายหลังจากการประชุม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การรายงานความคืบหน้าครั้งนี้เป็นไปตามปกติเหมือนที่เคยทำมา เพราะกระทรวงอุตสาหกรรม จะรายงานเรื่องนี้มายังที่ประชุมครม.เป็นประจำทุกเดือน ว่ามีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาอย่างไรบ้าง และที่ประชุมก็รับทราบไม่ได้มีข้อติดขัด หรือข้อห่วงใยอะไร
ทั้งนี้ยอมรับว่า ความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทดังกล่าว ล่าสุดยังอยู่ในขั้นของการเจรจาเพื่อประนอมข้อพิพาทระหว่างไทย กับ คิงส์เกต ตามคำแนะนำของอนุญาโตตุลาการ และจะชี้ขาดอีกครั้งในช่วงสิ้นปี 2565 ดังนั้นในระหว่างนี้ก็คงต้องรอข้อสรุปผลการเจาจาออกมาก่อนว่าจะเป็นอย่างไร
นายวิษณุ ยอมรับก่อนหน้านี้ว่า ตอนนี้ทุกอย่างยังไม่ได้ข้อสรุป ส่วนแนวโน้มจะเป็นอย่างไรนั้น ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เพราะอนุญาโตตุลาการยังไม่ชี้ขาด ดังนั้นในช่วงนี้ก่อนที่จะไปถึงสิ้นปี ถ้าผลการเจาจาเป็นที่น่าพอใจ เขาก็อาจถอนเรื่องออกจาก อนุญาโตตุลาการได้ แต่ก็ต้องรอข้อสรุปอีกที