อุยกูร์ จุดชนวน! สหรัฐฯ ใช้มาตรการวีซ่า นักวิชาการชี้กระทบรัฐบาล
ผู้เชี่ยวชาญ จี้กระทรวงต่างประเทศ เร่งชี้แจงข้อมูลด้านเอกสารเชิงประจักษ์ให้ชัดเจน ไม่เป็นอย่างที่กล่าวหา
จากกรณีที่ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เผยแพร่แถลงการณ์ของ "มาร์โค รูบิโอ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2568 ตามเวลาท้องถิ่นว่า “วันนี้ ผมประกาศนโยบายข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่าใหม่ ซึ่งจะมีผลกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันหรือในอดีต ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบต่อ หรือมี ส่วนเกี่ยวข้องกับการผลักดันชาวอุยกูร์ หรือชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ หรือ ศาสนากลุ่มอื่นที่อาจไม่ได้รับความคุ้มครองกลับประเทศจีน เรามุ่งมั่นต่อสู้ความพยายามของจีนในการกดดันรัฐบาลต่าง ๆ ให้ผลักดันชาวอุยกูร์และกลุ่มอื่น ๆ กลับประเทศจีน ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับการทรมานและการบังคับให้สูญหาย"
ล่าสุด รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกระทรวงการต่างประเทศ โดยตรงต้อง ดังนั้นต้องรีบชี้แจงข้อมูลเอกสารเชิงประจักษ์ให้ชัดเจนไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าวหา (อย่าลืมว่าคนไทยทั้งประเทศ และผมรวมไปถึงต่างประเทศสงสัยในเรื่องนี้ สิ่งที่รัฐบาลพูดว่าไม่ได้ส่งไปประเทศที่สาม แต่มีข่าวออกมาว่าประเทศอื่นรับไป) รัฐบาลไม่ได้ตามไปดูว่าปฏิบัติตามจริงอย่างที่เป็นหรือไม่
“ผมว่าโดนทั้งรัฐบาล สิ่งที่ข้อมูลรัฐบาลไทยชี้แจงมาโดยตลอด ไม่ว่าคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรี (แพทองธาร ชินวัตร) และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพูด ยังไม่เพียงพอ เพราะสำหรับผม และคนไทยทั้งประเทศเกิดคำถาม การนำเสนอข่าวด้านเดียวไม่บรรลุผล รัฐบาลไทยมีโอกาสสูงจะโดนผลกระทบเรื่องวีซ่าสหรัฐอเมริกา”
รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช
นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การแบนวีซ่าของสหรัฐในครั้งนี้จะลามไปถึงภาษีนำเข้าสินค้า กระทบเรื่อง FTA ( Free Trade Area) หรือ เขตการค้าเสรี ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป (อียู) และมีโอกาสถูกขึ้นภาษีนำเข้าจากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ อีกด้วย