ฐานเศรษฐกิจ - กระทรวงการคลังได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการออกเงินดิจิทัลให้ประชาชนซื้อในรูปแบบ "G-Token" (Government Token) แทนการออกพันธบัตรรัฐบาลบางส่วน โดยเป็นวิธีที่ไม่ขัดกับพระราชบัญญัติเงินตรา 2501 ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า การออก G-Token เป็นการปรับรูปแบบการระดมทุนที่มีอยู่เดิม โดยเป็นการเปลี่ยนแพลตฟอร์มจากพันธบัตรรัฐบาลที่ส่วนใหญ่ขายให้กับสถาบันการเงิน มาเป็นรูปแบบดิจิทัลที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ด้วยวงเงินที่ต่ำลง
มาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501 บัญญัติห้ามผู้ใดทำ จำหน่าย ใช้หรือนำออกใช้ซึ่งวัตถุหรือเครื่องหมายใด ๆ แทนเงินตรา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง การออก G-Token จึงเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่สามารถกำหนดขอบเขตและเงื่อนไขใด ๆ ในการอนุญาตได้
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า G-Token ไม่ใช่การพิมพ์เงินใหม่มาคู่ขนานหรือแข่งกับธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจากเป็นวงเงินที่อยู่ในระบบในรูปแบบพันธบัตรรัฐบาลอยู่แล้ว เพียงแต่เปลี่ยนลักษณะและแพลตฟอร์มในการออก
"รัฐบาลเมื่อกู้หนี้ประชาชน ปกติเราออกมาปีละ 1 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่วงเงินดังกล่าวไม่สามารถไปถึงผู้ที่มีเงินฝาก 1-2 หมื่นบาทได้ ฉะนั้น เราจึงทำให้มีสเตเบิลคอยน์ โดยจะทำให้การแลกเปลี่ยนบนแพลตฟอร์มได้ง่ายขึ้น ความหมาย คือ หากเป็นแม่ค้ามีเงินเก็บ สามารถไปซื้อพันธบัตรจากสเตเบิลคอยน์ ได้เลยแทนที่จะไปฝากเงินจากธนาคารแล้วได้ดอกเบี้ยต่ำ ไม่ได้เป็นเงินใหม่ที่รัฐบาลพิมพ์" นายพิชัยกล่าว
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ ประจำปีงบประมาณ 2568 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ วงเงินรวม 1,663,295.45 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. แผนก่อหนี้ใหม่ จำนวน 1,221,322.24 ล้านบาท 2. แผนบริหารหนี้เดิม 1,740,552.96 ล้านบาท และ 3. แผนการชำระหนี้ 489,380.65 ล้านบาท
ในส่วนของแผนการบริหารหนี้เดิม ประกอบด้วยแผนบริหารหนี้เดิมของรัฐบาลในส่วนที่เป็นหนี้ในประเทศ วงเงิน 1,646,035.72 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มีหนี้ที่น่าจะนำออก G-Token ด้วยการทำปรับโครงสร้างเงินกู้รัฐบาลที่ครบกำหนด ได้แก่
อย่างไรก็ตามทางสบน.จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะนำหนี้ในส่วนไหนมาออก G-Token ขายให้กับประชาชน ในวงเงินเท่าไหร่ โดยเบื้องต้นการออก G-Token ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยก่อนหน้านี้จะกำหนดวงเงินในการซื้อขั้นต่ำที่ 20,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลแบบเดิม โดยผู้ซื้อจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าการฝากเงินในธนาคารทั่วไป ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนรายย่อยสามารถเข้าถึงการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลได้ง่ายขึ้น กระจายโอกาสในการลงทุนให้กว้างขวางขึ้น
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมีแนวคิดที่จะเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุน ผ่านการทดลองเปิดลงทุน bond tokenization ซึ่งไม่ต้องมีสินทรัพย์มาการันตี คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปีงบประมาณ 2568 นี้ เบื้องต้นจะมีวงเงินประมาณ 5,000 ล้านบาท
G-Token ที่ออกในช่วงแรกจะสามารถซื้อขายได้ในตลาดรอง เช่นเดียวกับพันธบัตรรัฐบาลทั่วไป และในระยะยาว กระทรวงการคลังมีแผนพัฒนาแพลตฟอร์มให้ G-Token สามารถใช้ซื้อขายสินค้าได้ด้วย
รัฐบาลมองว่า การออก G-Token จะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องในระบบและเปิดช่องทางการออมที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝากธนาคารทั่วไป โดยที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องแย่งกัน
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว ทั้งในเรื่องของระบบที่จะรองรับ การป้องกันการทุจริต รวมทั้งข้อกังวลเกี่ยวกับการควบคุมปริมาณเงินในระบบ ซึ่งประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับบทบาทหน้าที่ของ ธปท. ในประเด็นเสถียรภาพและประสิทธิภาพของระบบการชำระเงิน