ผศ. ดร. ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือดีป้า กล่าวในงานสัมมนา “EEC : NEW Chapter NEW Economy” จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ช่วงเสวนา “ก้าวต่อไปอีอีซี”ว่าหนึ่งในเอสเคิร์ฟ คือดิจิทัล เทคโนโลยี ดีป้ากำลังจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เสนอเข้าคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ บอร์ดดีอี ว่าประเทศไทยต้องเตรียมพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง 4 ด้าน เรื่องแรก คือดิจิทัล ออโตเมชัน คือการเปลี่ยนแปลงในเชิงออโตเมชันทั้งหมด มันไม่ได้มาแค่ออโตเมชัน แต่มาทั้งเทคโนโลยีโรบอติกส์ มาพร้อมกับเทคโนโลยีการดำเนินการคือ ไอโอที internet of Things บนโครงสร้างพื้นฐาน 5G
2.ดิจิทัลบิ๊กดาต้า เรากำลังทำบิ๊กดาต้าของประเทศไทย ดีป้ากำลังเสนอเข้าที่ประชุม ครม. ให้มีสถาบันบิ๊กดาต้าแห่งชาติเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ ทำให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูล และใช้ประโยชน์จากข้อมูล
3 เรื่องดิจิทัลคอนเน็ค คือการเปิดประตูภาคการค้า ซัพพลายเชน ให้เข้าสู่โกลบอลซัพพลายเชน ปัจจุบันเรามีการผลิตในประเทศไทย แต่ด้วยดาต้า ทำให้การผลิตใทยเชื่อมโยงกับแชริ่งอีโคโนมี ช่วยลดต้นทุน เปิดประตูการค้า วันนี้มีการเพิ่มเติมเข้ามาในเรื่องของเมตาเวิร์ส แต่เมตาเวิร์ส จะเข้ามาเติมเต็มปลายน้ำของอีคอมเมิร์ซกับโลกบริการในอนาคต
สุดท้ายคือ ดิจิทัลแอคเซส คือการเข้าถึงข้อมูล ความปลอดภัย ไซเบอร์ซิเคียวริตี้ และเรื่องของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทั้ง 4 เรื่องจะเป็นเรื่องสำคัญที่เข้ามาดิสรัปชันกับภาคธุรกิจ
ผศ. ดร. ณัฐพล กล่าวต่อไปว่าดิจิทัล เทคโนโลยี เป็นซัพพอร์ตอินดัสรี เป็นสิ่งที่เอามาทำงานกับทุกภาคอุตสาหกรรม โดยรัฐบาลวางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลไว้ค่อนข้างดี ที่เหลือแต่การนำไปประยุกต์ใช้ โดยคอร์เทคโนโลยีสำคัญ คือ บิ๊กดาต้า เอไอ และบล็อกเชน ซึ่ง 3 เทคโนโลยีดังกล่าวนั้นไทยยังขาดเรื่องเนชันแนล แพลตฟอร์ม ไม่ได้มองเป็นเนชันแนล แพลตฟอร์มเหมือนอีคอมเมิร์ซ หรือเป็นแบบโปรดักส์ และเซอร์วิส แต่มองเป็นเนชันแนลแพลตฟอร์ม หลังจากที่มีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เสาสัญญาณสื่อสาร เคเบิลใต้น้ำ 5G ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ (physical) แต่กำลังพูดถึงดาต้าแพลตฟอร์มของประเทศ บล็อกเชนที่กำลังนำไปสู่การบริการในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ และทำให้ดาต้าเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่แต่ละตัว และเอไอ ที่เป็น AI as a service ไม่ใช่เอไอ ที่เขียนขึ้นมาใช้ในบริษัท
โดยในเรื่องของ 5G นั้นไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคที่มีการใช้ 5G และสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดแอพพลิเคชันบน 5G ซึ่งหลายจากที่มีการพูดคุยกับหลายองค์กรในต่างประเทศ เขามองหาตลาดใหม่โซลูชันที่เกิดจาก 5G โดย 5G สร้างให้เกิดโอกาสธุรกิจใหม่ๆ ทั้งภาคอุตสาหกรรม บริการทางการแพทย์ และโลจิสติกส์
ส่วนความคืบหน้าไทยแลนด์ ดิจิทัล วัลเล่ย์นั้น ไทยแลนด์ดิจิทัล วัลเล่ย์ เป็นพื้นที่ที่ดี และเป็นทางเลือกมากกว่าสิงคโปร์ แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นพื้นที่กายภาพที่มีแต่ตึกสวยงามอย่างเดียว แต่ต้องมีภาวะแวดล้อม ที่เรียกว่าอีโคซิสเต็มส์ รองรับ กระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศไปแล้วว่าพยายามที่จะแก้ไขกฎหมายเพื่อให้สตาร์ทอัพเข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทย Capital Gain Tax ที่กระทรวงการคลังเสนอเข้าครม.ไป เพื่อดึงนักลงทุนเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยแล้วผลกำไรที่เกิดขึ้นไม่ต้องเสียภาษีเป็นระยะเวลา 10 ปี
สมาร์ทวีซ่าก็เปลี่ยนให้สามารถอาศัยในไทยได้ในระยะยาวขึ้น เช่นกัน และ Personal Income tax Rate หรือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เราก็ใช้สำหรับคนที่ได้วีซ่า สำหรับผู้บริหาร และ Talent 17% สิ่งเหล่านั้นเป็นการสร้างภาวะแวดล้อมส่งเสริมการลงทุนควบคู่ไปกับพื้นที่กายภาพการสร้างให้นักลงทุนกับความเชื่อมั่นนอกเหนือจากพื้นที่ทางกายภาพ ที่เกิดขึ้นแล้ว โดยบริเวณที่เกิดขึ้นในพื้นที่อีอีซีดี พื้นที่ในประมาณ 30 ไร่ จากพื้นที่ในอีอีซีดี ทั้งหมด 800 ไร่ โดยวางแผนใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นฟรีเทรดของดิจิทัล ซี่งการดำเนินก่อสร้างอาคารตอนนี้ดำเนินการไปแล้วประมาณ 40%
อย่างไรก็ตามมีปัญหาเรื่องงบประมาณที่ล่าช้า โดยโครงการดังกล่าวจะประกอบด้วยอาคาร 5 อาคาร แต่ได้รับงบก่อสร้างอาคารมาทีละ 1 อาคาร สร้างอาคาร 1 เสร็จต้องมีคนเข้ามาอยู่เต็ม ถึงสร้างอาคาร 2 ได้ ทำให้การดำเนินการล่าช้าไปนิดหน่อย
เป้าหมายยังเหมือนเดิมทั้งการสร้างความแข็งแกร่ง โดยร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ การสร้างอีโคซิสเต็ม และอาคารที่สร้างขี้นรองรับการพัฒนา product Design กับ service Design เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีดิจิทัล ไม่ได้เป็นอาคารให้คนมาเช่าอยู่ แต่พยายามเชิญชวนคนที่เป็นไฮอีโคโนมิค แวลูแอด หรือสินค้าและบริการที่ดึงเข้ามาไม่ได้เป็นการผลิต แต่เป็นการออกแบบ
ส่วนการสร้างแพลตฟอร์มตอนนี้พัฒนามาแล้วประมาณ 80% ตั้งแต่การดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามา การสร้างอีโคซิสเต็มส์สำหรับสตาร์ทอัพ การให้การสนับสนุนสิทธิประโยชน์การลงทุน ทั้งบีโอไอ ภาษี กฎหมาย ส่วนเรื่อง Talent ความสามารถพิเศษ ที่พยายามให้เมืองไทยเป็นศูนย์กลางสร้าง Talent โดยการสร้างโปรแกรมบ่มเพาะ รองรับความเสี่ยงให้ธุรกิจท้องถิ่นเติบโตต่อ และรองรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีได้ ขณะที่ดีป้าจะให้การสนับสนุนทางด้าน product Design กับ service Design ทั้งด้านแอพพลิเคชัน 5G คลาวด์ อินโนเวชันเซ็นเตอร์ หรือเอไอ