เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงกรณีศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ 1242/2564 ระหว่าง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว กับ กรุงเทพมหานคร คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง (โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว) ว่า เป็นไปตามขั้นตอนไม่มีอะไร เราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งภาคเอกชนและภาคประชาชน เพราะเรื่องบีทีเอส จริงๆ แล้วเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว
“เราเป็นคนเข้ามาสางปัญหา แต่อย่างที่บอกว่าการจะจ่ายเงินจะต้องรอบคอบ เพราะไม่ใช่เงินเรา เป็นเงินของประชาชน ดังนั้น ต้องดูให้ชัดว่าสัญญาที่เราทำกับ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) เป็นอย่างไร เรามีสิทธิจ่ายเงินหรือไม่ ต้องเอาให้ชัดเจน ที่ผ่านมา 3-4 ปี ยังไม่กล้าจ่ายเลย เราใช้เวลาประมาณ 2 เดือนกว่าๆ ในการศึกษา ขณะเดียวกันเรื่องศาลเป็นเรื่องที่มีการฟ้องร้องก่อนเราเข้ามาอยู่แล้ว หากผลการพิจารณาออกมาเป็นลบ ตามหลัก กทม.ก็ต้องอุทธรณ์ชี้แจงเหตุผลเพิ่มเติม คงรอวันที่ 7 ก.ย.นี้”
ทั้งนี้ด้านการจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว นั้น เราบอกเป็นค่าเฉลี่ย จริงๆ แล้วส่วนไข่แดงที่เป็นส่วนสัมปทาน ซึ่งหมดสัญญาปี 2572 ส่วนนี้แตะไม่ได้อยู่แล้ว 44 บาท และอาจมีการขอปรับเพิ่มด้วยซ้ำ ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายจัดเก็บ 15 บาท กทม. จ่ายค่าจ้างเดินรถในส่วนต่อขยายนี้ประมาณ 7,000 ล้านบาทต่อปี และจัดเก็บค่าโดยสารได้ประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท กทม.ต้องนำเงินของคนที่ไม่ได้นั่งบีทีเอสมาจ่ายเป็นค่าจ้างเดินรถด้วย จึงต้องคิดให้รอบคอบ และเป็นธรรมสำหรับการนำภาษีของคนไม่ได้นั่งบีทีเอสมาจ่ายเหมาะสมหรือไม่