เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่2 ช่วง แบริ่ง-สมุทรปราการ และ หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เบื้องต้นสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม. ได้จัดทำตารางค่าโดยสารเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยใช้สูตร 14+2x ซึ่งเป็นค่าโดยสารส่วนต่อขยายที่2 จะเริ่มเก็บอัตรา 14-44 บาท เมื่อรวมกับอัตราค่าโดยสารในเส้นทางสัมปทานหลักตรงกลาง จะเก็บอัตราสูงสุดไม่เกิน 59 บาท
ขณะเดียวกันกทม.เตรียมนัดเจรจากับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด หรือ บีทีเอสซี ในการยกเว้นค่าแรกเข้าระบบเส้นทางหลักหรือเส้นทางให้สัมปทานที่เรียกเก็บเพิ่ม 16 บาท สามารถทำได้หรือไม่ หาก บริษัทฯ ไม่ยินยอม กทม.จะต้องอุดหนุนงบประมาณในส่วนค่าแรกเข้าแทนผู้ใช้บริการ เมื่อได้ข้อสรุปจะเสนอเข้าที่ประชุม สภา กทม.เพื่อขอความเห็นชอบ จากนั้น กทม.จะออกประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องกำหนดค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว แจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้า คาดว่าจะเริ่มเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ส่วนที่2 ภายในกลางเดือน ก.ย. นี้
สำหรับการคำนวณอัตราค่าโดยสารส่วนต่อขยายโดยใช้สูตร 14+2x แทนอัตราเดิมที่จัดเก็บ 15 บาท ตลอดสาย นั้นเป็นการจัดเก็บตามระยะทางที่ใช้บริการนั่งไกลจ่ายมาก นั่งสั้นจ่ายน้อย ถือเป็นหลักการที่ถูกต้อง สากลและเป็นธรรม ปัจจุบัน การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ก็ใช้หลักการดังกล่าวด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ยอมรับว่าหากเปรียบเทียบค่าโดยสารส่วนต่อขยาย ส่วนที่2 แพงกว่าเส้นทางหลัก เพราะระยะทางไกล และสถานีมากกว่า
ทั้งนี้กทม.กับสภา กทม.จะตั้งคณะทำงาน เพื่อพิจารณาร่างสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตามคำสั่ง คสช. มาตรา 44 เพื่อขยายสัญญาสัมปทานให้กับ บริษัท บีทีเอสซี ออกไปอีก 30 ปี (2572-2602) หลังจากครบอายุสัมปทาน ทางสภา กทม.จะมีความเห็นอย่างไร หากเห็นชอบก็ให้ดำเนินตามนั้น ส่วนถ้าไม่เห็นชอบก็จะนำเรื่องกลับมาพิจารณาทบทวนใหม่ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งมีหลายรูปแบบ อาทิ เปิดสัมทปานใหม่ ตาม พ.ร.บ.เอกชนร่วมทุน หรือใช้วิธีการจ้างเอกชนเดินรถ คงต้องทำให้รอบครอบ เนื่องจากยังมีเวลาพิจารณาก่อนจะหมดสัมปทานปี 2572