นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า บสย. ได้ออกมาตรการต่ออายุค้ำประกันสินเชื่อ Renew รอบ 2 เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการเดิม สำหรับหนังสือค้ำประกันสินเชื่อที่ครบอายุการค้ำประกันตั้งแต่ปี 2565-2567 แต่อาจติดขัดและยังชำระหนี้ไม่หมด โดยช่วยผู้ประกอบการถึง 2 ต่อ ดังนี้
ผู้ที่มีหนังสือค้ำประกันที่ครบกำหนดตั้งแต่ 1 ม.ค. 2565 สามารถยื่นคำขอย้อนหลังได้ถึงวันที่ 30 ก.ย. 2565
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการเดิมของ บสย. ให้มีความต่อเนื่องและเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล แก้หนี้ยั่งยืน ประคองกิจการผู้ประกอบการและพร้อมไปต่อ โดยผู้ประกอบการยังได้รับการสนับสนุนทางการเงิน และการค้ำประกันสินเชื่อต่อเนื่อง
ตลอดระยะเวลา 30 ปี บสย. เป็นเครื่องมือของรัฐขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ใช้กลไกค้ำประกันสินเชื่อ ช่วยผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มรายย่อย ฐานราก Start up ที่ต้องการเงินทุนแต่ขาดหลักประกัน สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ อีกทั้งยังช่วยผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโดยออกมาตรการยืดระยะเวลาค้ำประกันสินเชื่อ จาก 5 ปี เป็น 10 ปี
อย่างไรก็ดี ก่อนการประกาศมาตรการ บสย. พร้อมช่วย ต่ออายุค้ำประกันสินเชื่อ และต่อพร้อมเติม ค้ำเพิ่ม เติมสภาพคล่อง บสย. พบว่า มีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ บสย. ค้ำประกันสินเชื่อ ที่ใกล้ครบกำหนดระยะเวลาการค้ำประกัน ต้องการให้ บสย. ช่วยค้ำประกันสินเชื่อต่อไป เพื่อช่วยประคองกิจการ เนื่องจากได้รับผลกระทบในการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ
บสย. มั่นใจว่ามาตรการต่ออายุค้ำประกันสินเชื่อ จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ SMEs ที่กำลังจะครบกำหนดระยะเวลาการค้ำประกันในปี 2565 -2567 คิดเป็นวงเงินค้ำประกันกว่า10,000 ล้านบาท ก้าวข้ามผ่านวิกฤต ช่วยพยุงธุรกิจให้กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง เป็นไปตามเป้าหมายและนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเร่งช่วยผู้ประกอบการ SMEs แก้หนี้ยั่งยืน