นายวชิระ แก้วกอ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดผยว่า สสว. ได้บูรณาการความร่วมมือเชื่อมโยงเครือข่ายภาครัฐและเอกชน ผลักดันสิทธิประโยชน์ผู้ประกอบการ เพิ่มผลิตภาพ ลดต้นทุน ขยายช่องทางการตลาด และเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนภายใต้กิจกรรม "งานพัฒนาสิทธิประโยชน์และผลักดันให้เกิดขึ้นจริงเพื่อการประกอบการ"
ทั้งนี้ สสว. ได้เดินหน้างานพัฒนาสิทธิประโยชน์ ผ่านการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU กับหน่วยงานพันธมิตร มุ่งเน้นการผลักดัน 3 เรื่องสำคัญให้แก่ผู้ประกอบได้แก่
อย่างไรก็ดี สสว. และ หน่วยงานพันธมิตรจะร่วมมือกันใช้ศักยภาพความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ในการสนับสนุน ส่งเสริม ผู้ประกอบการทั้ง 3 ด้าน โดยมุ่งเป้าไปที่การแก้ไขปัญหาอุปสรรคให้แก่ผู้ประกอบการ พร้อมทั้งหนุนเสริมให้เกิดการพัฒนาให้ครบทุกด้าน
ขณะนี้มีผู้ประกอบการได้รับการสนับสนุนด้านการเพิ่มผลิตภาพ/ลดต้นทุน 753 ราย ด้านการขยายช่องทางการตลาด 3,254 ราย การเชื่อมโยงแหล่งเงินทุน 20 รายรวมทั้งสิ้น 4,027 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้วกว่า 424.68 ล้านบาท
นายวชิระ กล่าวอีกว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วย มีผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากมาตรการต่างๆ ที่สืบเนื่องจากการระบาดเป็นจำนวนมาก รัฐบาลตระหนักถึงความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าไปช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ในยุค New Normal และ Next Normal
สำหรับ สสว. ซึ่งมีพันธกิจในการบูรณาการ และผลักดันการส่งเสริม MSME ของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ MSME สามารถเติบโตและแข่งขันได้ในระดับสากล จึงได้สนองรับแนวทางของรัฐบาลด้วยการบูรณาการความร่วมมือและเชื่อมโยงเครือข่ายทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ในการส่งเสริมและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับ MSME ในมิติต่างๆดังกล่าว