นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีเพื่อรอวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ที่คาดว่าจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ ไม่มีผลต่อการทำงานและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เพราะมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีรักษาการดูแล การดำเนินนโยบายต่างๆยังคงทำได้ตามปกติ เพียงแต่จะไม่มีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
แต่สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ยังคงมีสัญญาณที่ดีจากภาคการส่งออกที่คาดว่าในปีนี้จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 6-8 นักท่องเที่ยวยังคงเดินทางเข้าประเทศไทยตามเป้าหมาย ส่งผลต่อรายได้ในช่วงปลายปีให้ขยายตัวมากขึ้น การปรับค่าแรงขั้นต่ำที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจะเป็นตัวเพิ่มกำลังซื้อให้กับภาคประชาชน ในขณะที่พืชผลทางการเกษตรในช่วงไตรมาสที่ 4 ผลผลิตจะออกมากตามฤดูกาลทำให้รายได้ของภาคเกษตรสูงขึ้น คาดว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 4 ส่งผลให้ทั้งปีเศรษฐกิจไทยจะยังอยู่ในกรอบร้อยละ 3.0-3.5 ได้ โดยไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 3
อย่างไรก็ตามหลังจากพ้นช่วง 1 เดือนที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้ว จะต้องมีการพิจารณาว่าคำวินิจฉัยจะออกมาในรูปแบบใด และจะมีผลให้การทำงานของรัฐบาลเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ รวมถึงการชุมนุมทางการเมืองนอกสภาจะออกมาในรูปแบบใด แต่หากไม่มีความรุนแรงและยังชุมนุมอยู่ในกรอบเชื่อว่าจะไม่มีผลต่อทั้งการท่องเที่ยวการลงทุนและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ