บอร์ด D ไฟเขียวเพิ่มทุน 80 ล้านหุ้น ขาย RO จำนวน 40 ล้านหุ้น ในอัตรา 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 2.50 บาท ส่วนที่เหลือ 40 ล้านหุ้น รองรับวอร์แรนต์ที่จะออกเพื่อจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นที่ใช้สิทธิหุ้นเพิ่มทุน ในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญใหม่ต่อ 1 วอร์แรนต์ ราคาใช้สิทธิ 4.00 บาทต่อหุ้น รองรับแผนขยายธุรกิจ-คืนหนี้สถาบันการเงิน
ทพ.พรศักดิ์ ตันตาปกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการ บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (D) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 140 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 80 ล้านหุ้น ซึ่งจะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทจำนวน 40 ล้านหุ้น ในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน ในราคาเสนอขายหุ้นละ 2.50 บาท กำหนดวันจองซื้อและชำระเงินระหว่างวันที่ 13-17 ม.ค.2563
ส่วนหุ้นเพิ่มทุนอีก 40 ล้านหุ้น เพื่อรองรับใบสำคัญแสดงสิทธิ หรือวอร์แรนต์ D-W1 ที่จะออกและจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยบริษัทจะออก D-W1 จำนวนไม่เกิน 40 ล้านหน่วย เพื่อเป็นสิ่งตอบแทนและเป็นการจูงใจในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท โดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งกำหนดอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญใหม่ต่อ 1 วอร์แรนต์ ในราคาการใช้สิทธิเท่ากับ 4.00 บาทต่อหุ้น เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนดังกล่าว บริษัทจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจและนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
โดยการเพิ่มทุนดังกล่าวเป็นการรองรับการขยายตัวทางธุรกิจในอนาคตของบริษัท และช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่โครงสร้างทางการเงินทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทลดลง รวมทั้งทำให้บริษัทมีสภาพคล่องของเงินทุนหมุนเวียนสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีมติอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนจากเดิม 110 ล้านบาทเป็น 100 ล้านบาท โดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้นำออกจำหน่ายจำนวน 20 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ซึ่งเป็นหุ้นที่ยังไม่ได้จัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP)
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสินฯ ระบุในบทวิเคราะห์ คาดการณ์รายได้ D ปี 2562 ที่ 840 ล้านบาท เติบโต 31% (YoY) หลังครึ่งปีแรกมีรายได้ที่ 418 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จาก Dental Vision เต็มปี และรายได้จากโรงพยาบาลทันตกรรมกรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล สุขุมวิท ซอย 2 (BIDH) คาดราว 15 ล้านบาท หลังเริ่มเปิดดำเนินการสิงหาคม 2562
ทั้งนี้มองว่าบริษัทจะฟื้นตัวช่วงปี 2563 จาก 1) Dental Vision ซึ่งคาดผลการดำเนินงานเป็นบวก 2) ปิดสาขาคลินิกที่ไม่ทำกำไรทำให้ต้นทุนลดลง โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลใหม่ (BIDH) ซึ่งช่วงแรกอาจยังมีผลขาดทุน นอกจากนี้บริษัทยังมีความเสี่ยงจากเงินบาทแข็งค่า และ D/E ปัจจุบันทรงตัวระดับสูงที่ 1.6 เท่า และอาจมีความเสี่ยงจากการเพิ่มทุน ประเมินกำไรในปี 2562 ราว 12 ล้านบาท หรือ -65% (YoY) คิดเป็น พี/อี ปี 2562 ที่ 85 เท่า ...สูงกลุ่ม Healthcare ที่ 31.4x แนะนำติดตามผลการดำเนินงานของ BIDH เนื่องจากเป็น Key Driver ของบริษัท และรอดูความชัดเจนของแผนเพิ่มทุน