ผถห. CGS อนุมัติออกหุ้นกู้มูลค่าไม่เกิน 3.5 พันลบ.

28 เม.ย. 2563 | 10:39 น.

ผู้ถือหุ้น CGS ลงมติอนุมัติให้วงเงินในการเสนอขายหุ้นกู้หรือตั๋วแลกเงิน มูลค่ารวม 3.5 พันล้านบาท

 

ดร.วีรพัฒน์ เพชรคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2563 ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 อนุมัติให้ออกและเสนอขายตั๋วแลกเงิน หรือหุ้นกู้ หรือตราสารหนี้อื่นใด มูลค่ารวมไม่เกิน 3.5 พันล้านบาท และรับรองผลการดำเนินงานในงวดประจำปี 2562 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 138.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 700% จากงวดเดียวปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 17.32 ล้านบาท    

"ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปีนี้ เรามีความเชื่อมั่นว่าหลังจากที่ดำเนินการปรับองค์กรใหม่แล้ว สถานการณ์ธุรกิจจะมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยระยะสั้นมีการขยายโครงสร้างพื้นฐานมีการเพิ่มทรัพยากรบุคคลที่เชี่ยวชาญ และมีคุณภาพ เพื่อให้บริการลูกค้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เชื่อว่าอาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทมีแผนขยายธุรกิจอื่นเพิ่มเติม อาทิเช่น ธุรกิจให้บริการซื้อขายหุ้นรายตัวโดยใช้ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า  ธุรกรรมด้านตราสารหนี้ ธุรกรรมการยืม และการให้ยืมหลักทรัพย์ และธุรกรรมทางด้านสถาบันต่างประเทศ  และบริการอื่นๆ ซึ่งหากสามารถดำเนินการขยายธุรกิจได้ตามแผนที่วางไว้ จะทำให้ในระยะยาว สามารถเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการแบบครบวงจร และได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนเป็นอันดับต้น ๆ" ดร.วีรพัฒน์ เพชรคุปต์ กล่าว  

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า สำหรับเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจในปีนี้ ยังคงเน้นด้านการให้บริการที่รอบด้าน เพื่อรองรับลูกค้าให้ได้มากขึ้น โดยเน้นการเสริมธุรกิจที่มีศักยภาพ ให้มีความแข็งแรงและคล่องตัว นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน และการดำเนินงานทุกส่วนให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ พร้อมขยายทีมมาร์เก็ตติ้งเพิ่ม นอกจากนี้ยังมีแผนลงทุนในเทคโนโลยีใหม่เข้ามา และอาจจะต้องมีการปรับกลยุทธ์ในการเลือกเน้นลูกค้าในแต่ละกลุ่ม มีการเน้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ บริการใหม่ๆ มากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพารายได้นอกเหนือจากค่าคอมมิชชั่นเพียงอย่างเดียว

ส่วนแนวโน้มธุรกิจหลักทรัพย์ ประเมินว่า ยังคงมีทิศทางที่ดี เนื่องจากจะเห็นได้ว่า ปัจจุบันตลาดมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาเพื่อจูงใจนักลงทุน และเพิ่มโอกาสในการลงทุนมากยิ่งขึ้น ซึ่งธุรกิจหลักทรัพย์ ยังมีโอกาสเติบโตได้ ถ้ามีการเพิ่มเติมการบริการให้ครบวงจร และมีการเสริมธุรกิจอื่นเข้ามาช่วย  ขณะที่การมองหาพันธมิตร ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรได้     

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาดนั้น บริษัทฯสามารถปรับตัวรับมือได้ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้มีการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ลงทุน ให้เจ้าหน้าที่การตลาดให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง