บล.กสิกรไทย คาดกำไรกลุ่มค้าปลีก Q2 ลดลง 63%

17 ก.ค. 2563 | 23:03 น.

บล.กสิกรไทย คาดกลุ่มค้าปลีกไตรมาส 2/63 จะอ่อนแอสุด กำไรสุทธิลดลง 63% (YoY)  ก่อนจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง  คาด MAKRO ทำกำไรแข็งแกร่งสุด เลือก CPALL เป็นหุ้นเด่น

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย  ระบุการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม ( SSSG )กลุ่มค้าปลีก ติดลบหนักในไตรมาส 2/2563 ยกเว้น DOHOME ที่ SSSG  พลิกเป็นบวกเล็กน้อย ทำให้ DOHOME มี SSSG แข็งแกร่งที่สุดในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาราวๆ 0.5% (เทียบกับ - 10% ในไตรมาส 1/2563) ขณะที่ SSSG ในไตรมาส 2/2563 ของ MAKRO พลิกมาติดลบราวๆ -6% จาก 7% ในไตรมาส 1/2563 ส่วน SSSG ของ BJC (-16%) CPALL (-18%) CRC(-28%) GLOBAL (-15%) และ HMPRO (-18%) ยังคงลดลงต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2563ท่ามกลางสภาวะการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนตัวลง ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ ระบาดของไวรัสโควิด-19

 

คาดรายได้โดยรวมในไตรมาส 2/2563 ของทั้ง 7 บริษัท ( BJC, CPALL, CRC, DOHOME, GLOBAL, HMPRO, MAKRO )ที่เราวิเคราะห์อยู่จะออกมาอยู่ที่ 269 พันล้านบาท ลดลง12.8% YoY และ 14% QoQ โดยคาดว่ารายได้ในไตรมาส 2/2563 ของ CRC จะลดลงมากที่สุดในระดับ 30.6% YoY และ 32.9% QoQ เป็น 3.39 หมื่นล้านบาท  ซึ่งเป็นผลมาจากการปิดศูนย์การค้าเป็นเวลา1.5 เดือนในประเทศไทย อิตาลี และเวียดนาม กอปรกับยอดขายศูนยการค้าที่ฟื้นตัวอย่างช้าๆ หลังจากมีคำสั่งให้กลับมาเปิดให้บริการได้ในช่วงครึ่งหลังของเดือนพ.ค. 2563

 

ขณะที่คาดว่า DOHOME จะรายงานการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับ 3% YoY และ 0.8% QoQ เป็น 4.6 พันล้านบาท ด้วยแรงหนุนจากอุปสงค์ที่สะสมจากช่วงก่อน (pent-up demand) สำหรับสินค้าจำพวกอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน หลังจากที่มีการกลับมาเปิดให้บริการ และจากอุปสงค์ที่สูงขึ้นสำหรับวัสดก่อสร้าง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ

 

ขณะที่กำไรสุทธิกลุ่มนี้คาดจะแตะจุดต่ำสุดของปีในไตรมาส 2/62  โดยคาดว่าผู้ค้าปลีก 7 รายที่วิเคราะห์อยู่จะรายงานกำไรสุทธิโดยรวมในไตรมาส 2/63 ที่ 4.1 พันล้านบาท  ลดลง 63% YoY และ 64%  QoQ  โดยเป็นการหดตัวทั้ง YoY และ QoQ  สะท้อนการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมหรือ  SSSG และอัตรากำไรที่เผชิญกับแรงกดดัน คาดว่า MAKRO จะรายงานกำไรที่มีความยืดหยุ่นมากที่สุดในเชิง YoY ที -5.4% ด้วยแรงหนุนมาจากอัตราก่ไรขั้นต้น (GPM) ที่ทรงตัวและส่วนแบ่งขาดทุนจากกิจการในต่างประเทศที่ลดลง ขณะที่ดูเหมือนว่า DOHOME จะมีอัตราการเติบโตของกำไรที่ติดลบน้อยที่สุด ( QoQ ) ที่ -7.5% ด้วยแรงหนุนจากการฟื้นตัวรูปแบบ V-shape ของอุปสงค์การใช้วัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น และส่วนแบ่งจากสินค้าแบรนด์ของบริษัท (private brand) ที่สูงขึ้น YoY

 

ทั้งนี้ความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดระลอกที่ 2 ในประเทศไทย ทำให้กลุ่มผู้ค้าปลีกสินค้าจำเป็นมีความน่าสนใจมากกว่ากลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เพราะมีความยึดหยุ่นด้านยอดขายมากกว่าและมีมูลค่าหุ้นที่ถูกกว่า เราคาดว่าอุปสงค์จะฟื้นตัวขึ้นในครึ่งหลังของปี 2563 หลังจากที่มีการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ รวมถึงการกลับมาห้างร้านทั่วประเทศ และยกเลิกมาตรการเดอร์ฟิวในเดือน มิ.ย. 2563 มองว่าพัฒนาการเหล่านี้เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มผู้ค้าปลีก โดยมองว่าผู้บริโภคจะมีโอกาสในการสร้างรายได้และใช้จ่ายมากขึ้นเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น ทั้งนี้ หากไม่มีการปิดร้านค้าอีก คาดว่า SSSG จะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 3/2563 และ 4/2563

 

บล.กสิกรไทย ยังคงมุมมองเป็น "กลาง" ต่อกลุ่มค้าปลีก โดยยังคงเลือก CPALL เป็นหุ้นเด่นเพราะมีมูลค่าที่ไม่แพงและมีภาพรวมการเติบโตของกำไรในระดับปานกลาง แม้เราจะมีมุมมองเป็นบวกต่อกลุ่มตกแต่งบ้าน (HMPRO,GLOBAL, DOHOME) จากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แต่เราคาดว่าราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยบวกดังกล่าวไปมากแล้ว ขณะที่คาดว่ากลุ่มศูนย์การค้า (CRC) จะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากการฟื้นตัวที่เป็นไปอย่างช้า ๆ และความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดระลอกที่2 ทั้งนี้ เรายังชอบกลุ่มสินค้าจำเป็น เพราะมีมูลค่าการซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PER ล่วงหน้าในอดีด ซึ่งหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวคือ BJC และ CPALL