นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.)คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทย ปีนี้จะติดลบ 8.5-9% ใกล้เคียงกับการประมาณการณ์ของกระทรวงการคลัง เนื่องจากยังคงมีปัจจัยลบหลายด้าน ทั้งตัวเลขนักท่องเที่ยวและการส่งออกที่ยังติดลบ รวมถึงการหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ยังไม่มีความแน่นอน
อย่างไรก็ดี แม้ยังมองว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว แต่หวังว่าการติดลบดังกล่าวจะลดลง เนื่องจากการประเมินตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่รวมกับมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ทั้งโครงการคนละครึ่ง และการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามา
ทำให้คาดการณ์ว่า เงินฝาก ช่วงโควิด-19 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยในช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา มียอดเงินฝากเพิ่มสูงขึ้นถึง 6% ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 มียอดเงินฝากเพิ่มขึ้น 8% เนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดความไม่มั่นใจ จึงเลือกที่จะเก็บเงินสดไว้กับตัวมากกว่าการนำไปลงทุนประเภทอื่น จึงทำให้ยอดเงินฝากเพิ่มสูงขึ้น และคาดว่า ยอดเงินฝากทั้งปีจะขยายตัว เฉลี่ย 4-6% จากปีก่อนที่มียอดเงินฝากประมาณ 14 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตในระดับเดียวกันของปีที่ผ่านมา
"แม้ครึ่งปีแรก ยอดเงินฝากจะเติบโต 8% แต่คาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 การขยายตัวของยอดเงินฝากจะลดลง เนื่องจากสถานการณ์โควิดเข้ามา อาจจะทำให้ช่วงครึ่งปีหลังมีประชาชนได้รับผลกระทบและตกงานมากขึ้น จึงทำให้มีการถอนเงินฝากออกมาใช้จ่าย จึงคาดว่าจะส่งผลให้ยอดการฝากเงินทั้งปี เฉลี่ยอยู่ที่ 4-6% เติบโตระดับเดียวกันกับปีที่ผ่านมา"นายทรงพล กล่าว
ทั้งนี้แม้เศรษฐกิจจะชลอตัว แต่สถานการณ์ของธนาคารพาณิชย์ยังคงมีความแข็งแกร่ง เห็นได้จากเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(BIS Ratio) ของธนาคารพาณิชย์ในเดือนมิ.ย. เฉลี่ยอยู่ที่ 19.2% สูงกว่าเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กำหนด ที่ระดับ 8.5%
แม้ว่ากำไรของธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 2 ของปีนี้ จะเหลือเพียง 30,000 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่อยู่ระดับ 60,000 ล้านบาท หรือลดลง 49% แต่โดยรวมยังถือว่าไม่มีปัญหา หากเทียบตั้งแต่ปี 2540 ถึงปัจจุบัน สถาบันการเงินมีการปรับตัว และมีการป้องกันความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่กองทุนคุ้มครองเงินฝาก ของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ยังมีเพียงพอเช่นกัน หากเกิดปัญหาธนาคารพาณิชย์ล้ม และถูกปิดกิจการ โดยมีเงินในกองทุนอยู่ที่ 129,969.13 ล้านบาท ดังนั้น ประชาชนจึงไม่ต้องเป็นห่วงหากเกิดความไม่แน่นอนของสถาบันการเงินในขณะนี้
"ทุกวันนี้แม้มีปัญหา แต่ไม่ได้แย่ หากแบงก์ล้ม เราก็มีเงินพอในการคุ้มครองเงินฝากของประชาชนอยู่ ซึ่งจะจ่ายคืนตามการคุ้มครองให้ภายใน 30 วัน และจะได้คืนเร็วขึ้นหากทำพร้อมเพย์ที่ผูกไว้กับเลขบัตรประชาชน"นายทรงพล กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สคฝ.แนะกระจายเงินฝากเพิ่มผลตอบแทน
เงินฝากแบงก์โต11%ตามหนี้ครัวเรือน
เงินฝากดิจิทัล แข่งเดือด ชูดอกเบี้ยสูงจูงใจ
ราชกิจจาประกาศ "พ.ร.ฎคุ้มครองเงินฝาก" สร้างความเชื่อมั่นผู้ฝากเงิน