รายงานข่าวระบุ ว่า ในการแถลงงบประมาณปี 2564-2565 กระทรวงการคลังออสเตรเลีย ไม่มีการประกาศขึ้นภาษีสรรพสามิตยาสูบ 12.5% แม้ถึงกำหนดการขึ้นภาษีประจำปีซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ทศวรรษ ตั้งแต่ปี 2555 ระบุสาเหตุกำลังซื้อของผู้บริโภคตั้งแต่ต้นปีเพิ่มขึ้นไม่ถึง 1% ด้านนิวซีแลนด์งดขึ้นภาษีบุหรี่อีก 10% ตามอัตราเงินเฟ้อ จากเดิมที่ต้องขึ้นภาษีเป็นประจำในเดือนมกราคมทุกปี สำหรับประเทศไทย กรมสรรพสามิตยังอยู่ระหว่างการจัดทำแผนปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่รอบใหม่ให้ประกาศทันใช้ในเดือนตุลาคม 2564 หลังจากที่ต้องเลื่อนขึ้นภาษีมาแล้ว 2 ครั้งเพราะโครงสร้างภาษีเดิมส่งผลกระทบรุนแรงต่ออุตสาหกรรมยาสูบ ทั้งยังไม่ทำให้อัตราการบริโภคยาสูบลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ปริมาณการลักลอบนำเข้าบุหรี่หนีภาษีและบุหรี่เถื่อนเพิ่มสูงขึ้น
รายงานการแถลงงบประมาณปี 2564-2565 กระทรวงการคลังออสเตรเลีย ระบุว่า รัฐบาลกลางตัดสินใจไม่ขึ้นภาษีสรรพสามิตยาสูบในปีงบประมาณ 2564-2565 อยู่ภายใต้การจัดทำงบประมาณแบบขาดดุล และคาดว่าจะทำให้รัฐบาลกลางออสเตรเลียมีรายได้ภาษีจากยาสูบลดลง 1.5% หรือประมาณ 230 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เหลือเพียง 15,060 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย แต่ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังคาดว่าจะมีรายได้ภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นจากสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ข้อมูลบนเว็บไซต์ของสำนักการจัดเก็บภาษีออสเตรเลีย (Australian Taxation Office) ยังระบุด้วยว่า ในช่วงระหว่างปี 2555-2563 กระทรวงการคลังออสเตรเลียประกาศขึ้นภาษีสรรพสามิตในสัดส่วน 12.5% ทุกปี นอกเหนือจากการปรับขึ้นภาษีตามอัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้เฉลี่ยต่อสัปดาห์หรือที่เรียกกันในออสเตรเลียว่า AWOTE โดยปัจจุบันอัตราภาษียาสูบอยู่ที่ 1.1036 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อมวน ซึ่งมีผลมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคม 2564 เป็นกำหนดเวลาที่รัฐบาลออสเตรเลียต้องขึ้นอัตราภาษีตามการเพิ่มขึ้นของ AWOTE แต่ผลปรากฏว่า ไม่มีการประกาศขึ้นภาษีแต่อย่างใด เนื่องจากรายได้ AWOTE ซึ่งเป็นตัวชี้วัดกำลังซื้อของผู้บริโภค เพิ่มขึ้นไม่ถึง 1% ดังนั้น การประกาศไม่ขึ้นภาษีบุหรี่ในครั้งนี้จึงนับเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษของการใช้นโยบายภาษีเพื่อการควบคุมอัตราการการบริโภคยาสูบของออสเตรเลีย
ก่อนหน้านี้ ในประเทศนิวซีแลนด์ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของออสเตรเลีย ได้ตัดสินใจไม่ขึ้นภาษีสรรพสามิตยาสูบอีก 10% เพิ่มจากอัตราเงินเฟ้ออีกเช่นกัน หลังการขึ้นภาษีในลักษณะดังกล่าวครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2563 ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา รัฐบาลนิวซีแลนด์จึงขึ้นภาษียาสูบเพียง 1.4% ตามอัตราเงินเฟ้อเท่านั้น เป็น 1.04578 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ต่อมวน จะเห็นได้ว่า ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ต่างเป็นประเทศชั้นนำของโลกในด้านการควบคุมยาสูบและดำเนินนโยบายด้านภาษียาสูบเป็นไปตามหลักการสากลที่องค์การอนามัยโลกให้คำแนะนำ
สำหรับประเทศไทย กรมสรรพสามิตและกระทรวงการคลังกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับโครงสร้างภาษียาสูบใหม่ เพื่อให้มีผลบังคับได้ทันก่อนที่โครงสร้างภาษีปัจจุบันจะครบกำหนดวันที่ 1 ตุลาคม 2564นี้ โดยตั้งเป้าว่าโครงสร้างภาษีใหม่ต้องทำให้รัฐเก็บได้ไม่ต่ำกว่าปัจจุบัน ที่สามารถจัดเก็บภาษีได้ราว 60,000 ล้านบาทต่อปี โดยการศึกษาและจัดทำแผนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบครั้งนี้ มีกลุ่มนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีและการคลัง รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขได้พยายามสนับสนุนข้อมูล ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะให้กรมสรรพสามิตและกระทรวงการคลังกำหนดนโยบายภาษีเพื่อควบคุมสินค้ายาสูบโดยยึดหลักการและแนวทางสากลซึ่งประเทศชั้นนำทั่วโลกใช้ดำเนินการและสามารถควบคุมอัตราการบริโภคยาสูบอย่างได้ผล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :