ดาวโจนส์ปิดลบ 97 จุด นักลงทุนกังวลการระบาดโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

02 ส.ค. 2564 | 23:56 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ส.ค. 2564 | 07:12 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,838.16 จุด ลดลง 97.31 จุด นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาและการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาและการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งความกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากข่าวความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,838.16 จุด ลดลง 97.31 จุด หรือ -0.28% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,387.16 จุด ลดลง 8.10 จุด หรือ -0.18% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,681.07 จุด เพิ่มขึ้น 8.39 จุด หรือ + 0.06%

ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 200 จุด ขานรับรายงานข่าวที่ว่า วุฒิสภาสหรัฐกำลังผลักดันร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนเชื่อมั่นว่า โครงการดังกล่าวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผน American Jobs Plan จะช่วยสร้างงานหลายล้านตำแหน่งในสหรัฐ ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวแข็งแกร่งถึง 7% ในปีนี้ หากมีการบังคับใช้กฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานซึ่งริเริ่มโดยคณะบริหารของปธน.ไบเดน         

อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ขณะที่ภาครัฐและเอกชนของสหรัฐได้ประกาศกฎระเบียบใหม่ในการควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งรวมถึงการกำหนดให้พนักงานที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยแม้ว่าจะได้รับวัคซีนครบโดสแล้วก็ตาม และมีบริษัทหลายแห่งออกกฎบังคับให้พนักงานต้องฉีดวัคซีนก่อนที่จะเข้ามาทำงานในออฟฟิศ

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 59.5 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 60.9 หลังจากแตะระดับ 60.6 ในเดือนมิ.ย. โดยดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของคำสั่งซื้อใหม่

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุร่วงลง 1.17% 

หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางร่วงลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคดีดตัวขึ้นขานรับความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยหุ้นพีจีแอนด์อี คอร์ปอเรชั่น พุ่งขึ้น 1.82% หุ้นเฟิร์สท์ เอนเนอร์จี บวก 0.37% หุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น ดีดขึ้น 0.49% หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 1.03%        
         

นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย., ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนก.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลการค้าเดือนมิ.ย., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย.