รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยเดือนกรกฎาคม 2564 ปิดที่ 1,521.92 จุด ลดลง 65.87 จุด หรือ 4.15% เป็นเดือนที่ดัชนีปรับลดลงมากที่สุดของปี โดยเป็นช่วงที่เริ่มมีการประกาศล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ขณะที่ มูลค่าซื้อขายสะสมของนักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิ 17,020.08 ล้านบาท ขายสุทธิเป็นเดือนที่ 7 และตั้งแต่ต้นปี ถึงเดือนกรกฎาคม 2564 ขายสุทธิ 93,282.26 ล้านบาท
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์(บล.) โนมูระ พัฒนสิน จำกัดเปิดเผยว่า ปัจจัยหลักที่กำหนดทิศทางตลาดในเดือนสิงหาคมคือ ความสามารถในการคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3และการเร่งฉีดวัคซีน รวมถึงโค้งสุดท้ายของการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)งวดไตรมาส 2 ปี 2564
นอกจากนี้นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะกล่าวสุนทรพจน์ประจำปี ในวันที่ 26-28 สิงหาคม 2564 โดยตลาดจะประเมินสัญญาณการลดระดับการซื้อสินทรัพย์ (tapering) ว่า จะเกิดขึ้นในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ในวันที่ 21-22 กันยายนนี้หรือไม่ เพราะความเสี่ยงอาจไวขึ้นกว่าคาดการณ์เดิมที่จะประกาศเดือนธันวาคม 2564
กลยุทธ์การลงทุนยังเน้น “Buy on Dip” เพื่อเพิ่มน้ำหนัก จากพอร์ตหุ้นอีก 5% เป็น 55% หลังดัชนีหุ้นไทยเข้ากรอบซื้อระยะยาวกรอบแรกที่ 1,520-1,500 จุด ส่วนกรอบซื้อถัดไปอยู่ที่ 1,490-1,460 จุด โดยแนะนำหุ้นที่กำไรดี ปันผลสูง และมีปันผลระหว่างกาล, หุ้นส่งออกที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ หลังภาพรวมการขาดแคลนชิพดีขึ้น, บริษัทที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอุตสาหกรรมจำนำทะเบียนรถ, ธุรกิจที่มี New S-Curve ต่อยอดธุรกิจส่งออกอาหารสัตว์ แต่ PER ของหุ้นยังต่ำ, กลุ่มโรงไฟฟ้า และหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับฐานลงแรง
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,702 วันที่ 5 - 7 สิงหาคม พ.ศ. 2564