ธปท. ยืนยันไม่บังคับแบงก์แฮร์คัตหนี้-ห่วงสร้างพฤติกรรมจงใจเบี้ยวหนี้

23 ส.ค. 2564 | 12:29 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ส.ค. 2564 | 19:54 น.

ธปท.ย้ำไม่บังคับแบงก์ แฮร์คัต ห่วงMoral Hazard และสถาบันการเงินต้องดูแลผู้ฝากเงิน แจงเหตุผ่อนเกณฑ์จัดชั้นอีก 2ปี ต่อเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งกองทุนฟื้นฟู หวังจูงใจให้ปรับโครงสร้างหนี้แบบระยะยาว

ตามที่สมาคมธนาคารไทยส่งหนังสือปิดผนึกถึงธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แสดงข้อกังวลถึงหนังสือเวียนของธปท.ที่จะส่งถึงธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินให้ช่วยเหลือลูกหนี้ ผ่านการปรับลดเงินต้นและดอกเบี้ย (Hair cut) ซึ่งจะเป็นการสร้างพฤติกรรมจงใจเบี้ยวหนี้ หรือ Moral Hazard

ธปท. ยืนยันไม่บังคับแบงก์แฮร์คัตหนี้-ห่วงสร้างพฤติกรรมจงใจเบี้ยวหนี้

นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เป็นการหารือตกลงระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้  ซึ่งธปท.ในฐานะธนาคารกลางไม่สามารถเข้าไปสั่งสถาบันการเงินต้องแฮร์คัตให้ลูกหนี้รายใดรายหนึ่ง หรือลูกหนี้ทุกคนจะได้รับแฮร์คัตที่เท่ากัน  เรื่องแฮร์คัตเป็นเพียงหนึ่งในแนวทางปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่สถาบันการเงินกับลูกหนี้จะเจรจากัน โดยดำเนินการมาตั้งแต่หลังวิกฤต2540 ไม่ใช่เรื่องใหม่

“ย้ำว่า แฮร์คัตหนี้ไม่ได้เป็นเกณฑ์เชิงบังคับสถาบันการเงิน แต่สถาบันการเงินต้องไปเลือกสูตรในการรักษาลูกหนี้ให้สอดคล้องปัญหาของรายได้ลูกหนี้ซึ่งมีความแตกต่างกัน  เราเห็นว่าควรดูแลคนที่มีปัญหาเพื่อทำให้ทรัพยากรของแบงก์ที่มีจำกัดสามารถส่งผ่านไปช่วยเหลือคนที่ได้รับผลกระทบหนักได้ยิ่งขึ้น ที่สำคัญเราต้องดูแลผู้ฝากเงินและสถาบันการเงินด้วยเช่นกัน”

นางสาวสุวรรณีกล่าวว่า ที่ผ่านมาธปท.ได้มีการหารือสมาคมธนาคารไทยตลอด กรณีกระแสข่าวนั้น  เข้าใจว่าอาจจะเกิดการเข้าใจผิดจากการพาดหัวข่าว  ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา  ทำให้สมาคมฯตกใจ  โดยความเป็นจริงเรื่องแฮร์คัตไม่ใช่มาตรการที่ธปท.จะบังคับให้สถาบันการเงินต้องทำกับลูกหนี้ทุกราย และไม่ได้เป็นสิทธิที่ลูกหนี้ทุกรายจะได้รับ  

สิ่งที่ตกลงและหารือกับธนาคารพาณิชย์  คือ ขอให้พิจารณาช่วยเหลือลูกหนี้ระยะยาว ธปท.อยากเห็นการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แบบยั่งยืนหลักๆมาจากการปรับโครงสร้างตามรายได้ที่ยังไม่กลับมาในช่วงนี้  อาจจะให้ลูกค้าผ่อนชำระอัตราต่ำแล้วขยายระยะเวลาออกไป แล้วค่อยๆทยอยปรับเพิ่มเมื่อรายได้กลับมา

 

หรือขยายอายุของหนี้ปรับจากสินเชื่อระยะสั้นเป็นสินเชื่อระยะยาว   หรือการให้สินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อเยียวยาเติมสภาพคล่องกับลูกหนี้  รวมถึงการลดภาระหนี้ตามอาการซึ่งมีได้หลายรูปแบบ แต่ไม่ใช่เลื่อนชำระหนี้เพียงครั้งคราว1-2เดือนเท่านั้น

นางสาวสุวรรณีย้ำอีกว่า  วิธีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ไม่สามารถเป็น One Size Fit All  ทุกคนไม่ได้รับยาที่เหมือนกัน  ซึ่งยืนยันเรื่องแฮร์คัตไม่ใช่มาตรการบังคับสถาบันการเงินต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับลูกหนี้  แต่สถาบันการเงินสามารถใช้หลายเครื่องมือ ประกอบการแก้ปัญหาหนี้  เพราะถ้าหากมีการแฮร์คัตในวงกว้าง  ธปท.ก็ยังกังวลเรื่อง Moral Hazard   ลูกหนี้ทุกคนจะคาดหวัง แต่ขณะเดียวกันธปท.ก็ต้องดูแลผู้ฝากเงินและสถาบันด้วยเช่นกัน

“หนังสือที่สมาคมทำถึงธปท.ตามข่าวนั้น คิดว่าอาจจะเกิดจากความ เข้าใจผิด  เพราะเกิดการตกใจ ซึ่งสมาคมเองทำความเห็นมาที่ธปท. ว่าโดยหลักเห็นด้วยกับมาตรการยืดหยุ่น ไม่ว่าเรื่องFIDF Fee  หรือยืดหยุ่นการจัดชั้นกันสำรองออกไปอีก 2ปี เห็นด้วยกับปรับรูปแบบหนี้  แต่หลังจากมีข่าวออกมา ทางธปท.กับสมาคมแบงก์ได้หารือร่วมกัน  หลังจากนี้คงจะมีออกอะไรร่วมกัน”

ธปท. ยืนยันไม่บังคับแบงก์แฮร์คัตหนี้-ห่วงสร้างพฤติกรรมจงใจเบี้ยวหนี้