นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปจัดทำรายละเอียดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้ามาประเทศไทย เช่น ชาวต่างชาติ ต้องการนำเงินเก็บออมที่อยู่ต่างประเทศ มาใช้จ่ายในประเทศไทย โดยเงินก้อนนี้ต้องไม่นำมานับรวมกับรายได้ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งมีความเป็นไปได้ ที่จะยกเว้นให้ แต่ต้องศึกษาความเหมาะสมจำนวนวงเงินให้รอบคอบ
ส่วนการลดภาษีนำเข้าไวน์ สุรา และซิการ์ ลงกึ่งหนึ่งเป็นเวลา 5 ปีนั้น ต้องพิจารณารายละเอียดว่าสามารถอนุมัติได้หรือไม่ ปัจจุบันอนุญาตให้นักท่องเที่ยวนำเข้าไวน์ สุรา ได้อยู่แล้วคนละ 1 ลิตร ซิการ์หรือบุหรี่ ไม่เกิน 200 ม้วน โดยไม่เสียภาษี แต่หากต้องการนำเข้ามากกว่านั้น ก็ต้องพิจารณาความเหมาะสม
"ขณะนี้ไทย ต้องการชาวต่างชาติที่มีเงินมาใช้จ่ายและจ้างงานในประเทศด้วย เห็นได้จากกรณีการขยายเวลายกเว้นการจัดเก็บภาษีเรือสำราญและเรือยอร์ช จากเดิม 6 เดือน เป็น 2 ปี 6 เดือน นับจากวันที่นำเข้า เพื่อดึงให้ชาวต่างชาติที่เดินทางมากับเรือยอร์ช อยู่ในไทยนานขึ้น เมื่อมาจอดเรือที่ภูเก็ต ก็ต้องนำเรือมาให้ช่างตรวจสอบเครื่องยนต์ เติมน้ำมัน พักโรงแรม ถือเป็นการสร้างงาน และมีการใช้จ่ายทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ด้วย” รัฐมนตรี ก.คลัง กล่าว
ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า แนวทางการยกเว้นภาษีกรณีชาวต่างชาตินำเงินฝากที่อยู่ต่างประเทศ มาใช้ในประเทศโดยไม่นำมาคำนวณเป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น เพื่อเป็นการจูงใจให้นำเงินเข้ามาใช้จ่ายในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้นด้วย โดยกระทรวงการคลังจะเร่งพิจารณรายละเอียดโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ปลัดกระทรวงการคลัง เชื่อว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นอย่างหลากหลาย เนื่องจากรัฐบาลทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดของมาตรการที่จะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของมาตรการได้ พร้อมระบุว่า รัฐบาลมีแผนการใช้จ่ายเงินกู้ 1.5 ล้านล้านบาทชัดเจนแล้ว ซึ่งจะทยอยใช้ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เป็นต้นไป เพื่อกระตุ้นเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์