บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป หรือ CGS ระบุว่า คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 1.94 แสนตำแหน่งต่ำกว่า Bloomberg คาดที่ 4.9 แสนตำแหน่ง พร้อมกับอัตราการว่างงานที่ 4.8% ดีกว่า Bloomberg คาดที่ 5.1% อย่างไรก็ตามแม้ตัวเลขเศรษฐกิจจะออกมาไม่ได้ร้อนแรงแต่พบ US 10Y Bond Yield ยังคงดีดตัวขึ้นต่อเนื่องและทำ New High อีกครั้ง บ่งบอกถึงความกังวลของตลาดเกี่ยวกับเงินเฟ้อ เชื่อว่าเกิดจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น อาทิ ราคาน้ำมัน BRT , WTI ที่ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 4 ปี
สำหรับความเห็นเราต่อ ทิศทางราคาน้ำมันดิบเชื่อว่า จะยังปรับตัวขึ้นได้ต่ออีกเล็กน้อยมองเป้าหมาย BRT 4Q21 90$ / BBL เนื่องจากปัจจุบันมีอุปสงค์ส่วนเกินจากการเปิดเมือง แต่เชื่อว่า ช่วงถัดไปจะเริ่มเห็นกำลังการผลิตเข้ามา ซึ่งสอดคล้องกับคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ BRT จาก Bloomberg Consensus ที่มองแนวโน้ม 4Q21 – 2Q22 จะแกว่งตัวในกรอบ 81$ / BBL – 77 $ / BBL
ดังนั้นเชื่อว่า ทิศทางของ US 10Y Bond Yield อาจมีจังหวะดีดตัวขึ้นบ้างตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่มีโอกาสแกว่งตัวขึ้น เป็นไปได้ที่ระยะสั้นภาพรวมการลงทุนอาจถูกกดดันจากการเร่งตัวของ US 10Y Bond Yield
ส่วนปัจจัยสัปดาห์นี้ (1) การรายงานเงินเฟ้อสหรัฐที่จะทราบผลในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทย Bloomberg Consensus ประเมิน +0.3%MoM และ +5.3%YoY (2) PPI (ดัชนีราคาผู้ผลิต)คืนวันพฤหัสตามเวลาประเทศไทย Bloomberg Consensus ประเมิน +0.6%MoM และ +8.7%YoY (3) ยอดค้าปลีกสหรัฐคืนวันศุกร์ตามเวลาประเทศไทย Bloomberg ประเมิน -0.3%MoM ดังนั้นสัปดาห์นี้ประเด็นเงินเฟ้อเป็นที่จับตาของตลาดทำให้เราประเมินว่า SET จะอยู่ในกรอบ 1625 – 1655
กลยุทธ์การลงทุน ระยะสั้นหรือภายในสัปดาห์แนะนำ Theme ป้องกันเงินเฟ้อ อาทิ น้ำมัน (PTTEP) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) ปิโตรเคมี (PTTGC IVL) ส่วนระยะกลางยังแนะทยอยสะสม Domestic Play แต่ให้เน้น Laggard ค้าปลีก (BJC CRC CPALL) ร้านอาหาร (M) ศูนย์การค้า (CPN) สนามบิน (AOT) โรงภาพยนตร์ (MAJOR)
BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 162 บาท) คาดกำไรสุทธิ 3Q21 ของ BBL จะอยู่ที่ 6.44พันล้านบาท (+60%YoY, +1.3%QoQ) จากการตั้งสำรองที่ลดลง ขณะเดียวกันคาดว่ากำไรก่อนการตั้งสำรองลดลง 22%QoQ (+35%YoY) จากการลดลงของรายได้มิใช่ดอกเบี้ย ตามการชะลอตัวเศรษฐกิจช่วง Lock Down อย่างไรก็ตามคาดผลการดำเนินงานจะกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่4Q21เป็นต้นไป จากการขยายสินเชื่อองค์กร รวมถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การตั้งสำรองในปีหน้าลดลง
PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 146 บาท) คาดว่า PTTEP จะมีกำไรสุทธิเติบโตใน 3Q21 ที่ 10.1 พันล้านบาท (+40% YoY, +41% QoQ) การเพิ่มขึ้น YoY มาจากการเติบโตของปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ย (ASP) ที่เพิ่มขึ้น +20% และ +13% ตามลำดับ ในขณะที่การเติบโต QoQ จะเกิดจากการขาดทุนที่ลดลงจากการป้องกันความเสี่ยงที่คาดไว้ใน 3Q21 ที่ 40ล้านเหรียญสหรัฐเทียบกับ 127ล้านเหรียญสหรัฐใน 2Q21