ฟิทช์ เรทติ้งส์คาดว่า การเติบโตของเบี้ยประกันสำหรับบริษัทประกันภัยในประเทศไทยในปี 2564 จะอยู่ในระดับที่ต่ำ โดยได้รับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอและระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ประกอบกับผลกระทบในช่องทางการจัดจำหน่าย จากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม รวมถึงการล็อกดาวน์ในไตรมาส 3/2564
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของเบี้ยประกันภัยในระยะปานกลาง ยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากอัตราการเข้าถึงประกันที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ จำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้น ค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น และสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี
ฟิทช์ คาดว่า ความเสี่ยงในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้น ยังคงอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ เนื่องจากประกันโควิด-19 มีมูลค่าที่ค่อนข้างต่ำเทียบกับมูลค่าเบี้ยประกันรวมในตลาด รวมถึงแนวโน้มที่ดีขึ้น จากอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนั้น ฟิทช์ยังคาดว่า อัตราค่าสินไหมทดแทนจากการประกันภัยรถยนต์จะปรับเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในช่วงปลายไตรมาส 3/2564
อย่างไรก็ตาม บริษัทประกันภัยในประเทศส่วนใหญ่มีระดับเงินกองทุนที่ค่อนข้างดีและยังสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ต้องดำรงตามกฎหมายอยู่มาก ซึ่งน่าจะช่วยรองรับผลกระทบจากค่าสินไหมทดแทนที่เพิ่มขึ้นและความเสี่ยงที่อาจปรับตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งหน่วยงานกำกับดูแลยังได้ให้ความช่วยเหลือด้านสภาพคล่องเพิ่มเติมแก่ บริษัทประกันภัยที่มีฐานะการเงินที่อ่อนแอและมีปริมาณการเรียกร้องค่าสินไหมของโควิด-19 ที่สูง โดยการผ่อนผันระเบียบและข้อบังคับบางส่วนเกี่ยวกับการดำรงเงินกองทุน
นอกจากนี้ ฟิทช์คาดว่า เบี้ยประกันภัยผ่านช่องทางออนไลน์จะมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้น หลังจากที่บริษัทประกันภัยได้การปรับโครงสร้างและการดำเนินงานของธุรกิจด้วยเทคโนโลยี่ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งได้ถูกเร่งและผลักดันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค