ข่าวดี คืนแล้ว 130 ล้าน เหยื่อดูดเงินบัตรเดบิต

23 ต.ค. 2564 | 13:10 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ต.ค. 2564 | 20:10 น.

ธปท.ผนึกสมาคมธนาคารไทย คืนเงินลูกค้าบัตรเดบิต ที่ถูกสวมรอยทำธุรกรรมครบทั้ง 130 ล้านบาทแล้ว เร่งตรวจสอบบัตรเครดิต พร้อมตั้งพักยอดไว้ ลูกค้าไม่ต้องชำระ ไม่เสียดอกเบี้ย พร้อมเพิ่มมาตรการเข้ม หากยังพบผู้เสียหายอีก พร้อมคืนเงิน 5 วัน

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)และสมาคมธนาคารไทยระบุว่า เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ธนาคารได้คืนเงินให้ลูกค้าบัตรเดบิตที่ได้รับความเสียหาย จากการถูกมิจฉาชีพสุ่มข้อมูลบัตรและนำไปสวมรอยทำธุรกรรม  ระหว่างวันที่ 1-17 ตุลาคม 2564 จำนวน 10,700 ใบ มูลค่ารวม 130 ล้านบาท ครบทุกรายแล้ว

 

ในส่วนของบัตรเครดิตได้ดำเนินการตั้งพัก เร่งตรวจสอบ และยกเลิกรายการ โดยลูกค้าไม่ต้องชำระเงินตามยอดเรียกเก็บที่ผิดปกติและไม่มีการคิดดอกเบี้ยแต่อย่างใด

นอกจากนั้นธนาคารได้ยกระดับการป้องกันและแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วนเรียบร้อยแล้วคือ

 

1.ตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ ให้ครอบคลุมธุรกรรมที่มีจำนวนเงินต่ำและที่มีความถี่สูง

2.ติดตามเฝ้าระวังรายการธุรกรรมจากต่างประเทศเป็นพิเศษ

3.แจ้งเตือนลูกค้าในการทำธุรกรรมทุกรายการตั้งแต่รายการแรก

4.ประชาสัมพันธ์วิธีการป้องกันความเสี่ยง เช่น การปรับวงเงินในบัตรให้เหมาะสมกับการใช้จ่าย หลีกเลี่ยงการผูกบัตรกับเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มที่ไม่น่าไว้ใจ ทำให้ปริมาณธุรกรรมผิดปกติในลักษณะดังกล่าวลดลงมาก โดยธนาคารจะติดต่อสอบถามลูกค้าเพิ่มเติมกรณีพบรายการต้องสงสัย

 

ทั้งนี้ หากพบความเสียหายเพิ่มเติมจากกรณีข้างต้น ลูกค้าบัตรเดบิตจะได้รับการคืนเงินภายใน 5 วันทำการ

ธปท.และสมาคมธนาคารไทยยังได้หารือแนวทาง เพื่อผลักดันให้ผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรทุกราย กำหนดมาตรการเพิ่มเติมในการบังคับใช้การยืนยันตัวตนก่อนทำรายการชำระเงินกับบัตรเดบิตในทุกร้านค้าออนไลน์ โดยเฉพาะร้านค้าในต่างประเทศ เช่น การใช้ระบบการยืนยันตัวตนของเครือข่ายบัตร ที่ให้ลูกค้าหรือผู้ซื้อต้องยืนยันตัว โดยใส่เลข OTP ก่อนร้านค้าทำการตัดบัญชี ซึ่งเป็นการดูแลความปลอดภัยที่เข้มกว่ามาตรฐานสากลที่เครือข่ายบัตรกำหนดไว้

 

รวมทั้งพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการความเสี่ยงในการทำธุรกรรมของลูกค้า โดยนำเทคโนโลยีใหม่มาสนับสนุนการจัดการใช้ป้องกันและตรวจจับภัยคุกคามทางการเงินในรูปแบบใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

 

“ธปท. และสมาคมธนาคารไทย ขอเรียนว่าระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มีการบริหารความเสี่ยงสอดคล้องกับมาตรฐานสากล และธนาคารร่วมกับชมรมตรวจสอบและป้องกันการทุจริต ชมรมบัตรเครดิต และศูนย์ประสานงานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคธนาคาร (TB-CERT) ในการพัฒนาระบบป้องกันให้เท่าทันภัยคุกคามรูปแบบใหม่ๆ อยู่เสมอ”

 

นอกจากนั้น ยังร่วมกันสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการทางการเงินดิจิทัลเพื่อให้ประชาชนเข้าใจและเพิ่มความระมัดระวังการทำธุรกรรมออนไลน์ เช่น การทำธุรกรรมกับแพลตฟอร์มที่ไม่มีการยืนยันตัวตนก่อนใช้งาน หรือไม่มีการใช้ OTP รวมทั้งหมั่นตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นประจำ เพื่อลดความเสี่ยงจากมิจฉาชีพที่จะกระทำการทุจริตทางการเงินใด ๆ ซึ่งจะต้องเร่งดำเนินการให้มากขึ้นต่อไป