นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ บรรยายพิเศษ “การจัดทำงบบูรณาการจากประสบการณ์ อีอีซี” เปิดประสบการณ์งบบูรณาการ อีอีซี ปัจจัยความสำเร็จของแผนงาน บูรณาการเพื่อพัฒนาประเทศ ในงาน เสวนา “เปิดความสำเร็จการเป็นต้นแบบแผนงานบูรณาการ สู่การพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน” ที่จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และเนชั่นทีวี โดยกล่าวว่า ขณะนี้รายได้ของประเทศลดลง การขาดดุลสูง ทำให้ยังไม่สามารถคาดเดากรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 ได้ แต่ในปีงบประมาณรายจ่าย 2565 งบประมาณได้ถูกปรับลดลงเหลือ 3.1 ล้านล้านบาท หายไปจากปีงบฯ 64 ที่มีงบประมาณที่ 3.28 ล้านล้านบาท หรือหายไปประมาณ 1.8 แสนล้านบาท
ดังนั้นในการจัดทำงบบูรณาการพัฒนาพื้นที่ EEC ในปีงบประมาณ 2566 จะยังคงมีความเข้มข้นมากเหมือนเดิม โดยเฉพาะการใช้เงินนอกงบประมาณ ซึ่งจะต้องเสนอรายละเอียดคำขอเบื้องต้นงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 แผนงานบุคลากรภาครัฐ มายังสำนักงบประมาณ ภายในวันที่ 24 ธันวาคม 2564
โดยหน่วยรับงบประมาณที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณ จะต้องก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินมากกว่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติภายในวันที่ 11 มกราคม 2565 ซึ่งหากงบที่ขอจัดสรรมีวงเงินตั้งแต่ 500 ล้านบาทขึ้นไป ให้ทำการประเมินความเสี่ยงการทุจริต ตามแผนบริหารความเสี่ยงการทุจริตด้วย รวมทั้งต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ประกอบเอกสารที่ยื่นของบมาด้วย
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวอีกว่า นับตั้งแต่ ปี 2561 เป็นต้นมา การจัดทำงบบูรณาการ EEC ทำให้การจัดทำงบประมาณและแผนในการพัฒนาพื้นที่ EEC มีความชัดเจนมากขึ้น ลดความซ้ำซ้อนของหน่วยงานและการใช้งบประมาณ และยังตอบโจทย์แผนเป้าหมาย ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ และที่สำคัญสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ด้านขีดความสามารถทางการแข่งขัน และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 13