บลจ.ทิสโก้ เกาะเทรนด์ Metaverse เปิดกอง "ทิสโก้ Cyber Security”

04 ม.ค. 2565 | 12:48 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ม.ค. 2565 | 19:48 น.

บลจ.ทิสโก้ประเดิมปีขาล เปิดขาย “กองทุนเปิดทิสโก้ Cyber Security(TCYBER)"ลงทุนธุรกิจด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ชี้โอกาสเติบโตเด่นตามความต้องการเพิ่มขึ้นจาก “Metaverse” และทุกอุตสาหกรรมในโลกเร่งลงทุนระบบป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ เปิดเสนอขาย IPO 4-12 มกราคม 2565

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัดเปิดเผยว่า การเกิดขึ้นของเมตาเวิร์ส (Metaverse) ยิ่งตอกย้ำให้เห็นชัดว่าโลกกำลังพลิกโฉมและขับเคลื่อนไปสู่ “โลกดิจิทัล”อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งที่ผ่านมา ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจและผู้บริโภคล้วนส่งผ่านข้อมูลสำคัญ ทำธุรกรรม และดำเนินกิจกรรมต่างๆ ผ่านโลกดิจิทัล ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเสียหายจากการโจรกรรมทางไซเบอร์ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย 

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ. ทิสโก้ จำกัด

ในช่วง 20 ปีผ่านมามีการโจมตีทางไซเบอร์ที่ภาคธุรกิจรวมถึงองค์กรของรัฐทั่วโลกได้รับความเสียหายมากถึง 400 ครั้งและในปี 2563 การโจมตีทางไซเบอร์ได้สร้างความเสียหายทั่วโลกมากถึงวันละ 16.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เร่งลงทุนระบบและอุปกรณ์เพื่อสร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) 

ทั้งนี้ Cybersecurityventures.com คาดว่า ในระหว่างปี 2564 – 2568 จะมีเม็ดเงินลงทุนระบบ Cyber Security มากถึง 1.75 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้น 15% ต่อปี ซึ่งเติบโตตามความต้องการใช้ของ ภาครัฐ ภาคเอกชน และจะยิ่งมีโอกาสเติบโตอย่างทวีคูณเมื่อ Metaverse หรือโลกเสมือนเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภค

 

นอกจากนี้  Gartnerบริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีในสแตมฟอร์ดยังคาดว่าในระหว่างปี 2564 - 2567 มูลค่าตลาด Cyber Security จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 14% จาก 74 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2564 จะเพิ่มขึ้นเป็น 110 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2567  
 

ดังนั้น เพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้ารับผลตอบแทนที่ดีสอดคล้องกับกับเมกะเทรนด์ของโลก บลจ.ทิสโก้จึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ Cyber Security (TCYBER) ความเสี่ยงระดับ 7 (เสี่ยงสูง) เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่มีการพัฒนาและจัดการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และได้รับประโยชน์จากการพัฒนาและการใช้เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั่วโลก

 

ผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารทุนต่างประเทศ และ/หรือกองทุนรวมอีทีเอฟตราสารทุนต่างประเทศอย่างน้อย 2 กองทุน ซึ่งเบื้องต้นกองทุนได้ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ 2 กองทุน ได้แก่  กองทุน Global X Cybersecurity ETF และ กองทุน Allianz Global Investors Fund - Allianz Cyber Security  

 

กองทุนเปิด TCYBER  ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) วันที่ 4 – 12 มกราคม 2565 ผ่านธนาคารทิสโก้ จำกัด(มหาชน), บล. ทิสโก้ จำกัด, บลจ.ทิสโก้ จำกัด และช่องทาง  ออนไลน์ eInvest, Application TISCO My Funds เท่านั้น ทั้งนี้ กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศจึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก 

 

จุดเด่นของกองทุน TCYBER คือ ลงทุนในกองทุน Global X Cybersecurity ETF และ กองทุน Allianz Global Investors Fund - Allianz Cyber Security ซึ่งทั้งสองกองทุนมีนโยบายการเลือกหุ้นที่แตกต่างกัน ทำให้นักลงทุนได้กระจายการลงทุนไปยังหุ้นเติบโต และหุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานแกร่งไปพร้อมๆ กัน

 

นอกจากนี้ ผู้จัดการกองทุนยังให้น้ำหนักการลงทุนผ่านกองทุนต่างประเทศทั้งสองกองทุนด้วยน้ำหนักการลงทุนที่เท่าๆ กัน โดยอิงจากผลตอบแทนในอดีตซึ่งพบว่าน้ำหนักลงทุนดังกล่าวจะเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับความเสี่ยง  

 

สำหรับตัวอย่างบริษัทที่กองทุนเข้าไปลงทุน เช่น Fortinet บริษัทผู้พัฒนาและจำหน่ายโซลูชั่นความ ปลอดภัยทางไซเบอร์ ครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 38% ในธุรกิจ “Network Firewalls” มีลูกค้ากระจายอยู่กว่า 100 ประเทศทั่วโลก คาดว่าปี 2654 รายได้แตะระดับ 3,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโต 28.5% เมื่อเทียบปีก่อน มีโครงสร้างรายได้ที่มั่นคง โดยมีสัดส่วนจากการบริการถึง 65% ในปี 2653 
  

ตัวอย่างที่สองคือ Palo Alto เป็นผู้นำทางด้าน Network Security ด้านการปกป้องการคุกคามทาง Cyber เน้น Cloud เป็นหลัก มีลูกค้าองค์กรชั้นนำมากกว่า 85,000 องค์กร จาก 150 ประเทศทั่วโลก มีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ และค่า Subscription ตามประเภทการใช้งานของลูกค้า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปีบัญชี 2564 มีรายได้ เติบโต 28% เมื่อเทียบปีก่อน 
  

ตัวอย่างที่สามคือ บริษัท Zscaler บริษัทด้าน Cloud Security-as-a-Service  ช่วยให้ธุรกิจยุคใหม่ทำ Digital Transformation ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และ ยืดหยุ่น มีลูกค้ากว่า 5,600 ราย และกว่า 500 ราย เป็นบริษัทใน Forbes Global 2000 ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปีบัญชี 2564 มีรายได้เติบโต 57% เมื่อเทียบปีก่อน

 

และตัวอย่างสุดท้าย บริษัท Okta ผู้ให้บริการด้าน Identity ชั้นนำของโลก ปัจจุบันมีลูกค้าองค์กรมากกว่า 13,050 ราย คาดการณ์รายได้เติบโตเฉลี่ย 46% ต่อปีในช่วงปี 2562-2565 รายได้ไตรมาส 2 ปีบัญชี 2565 เติบโต 54.7% เมื่อเทียบปีก่อน คาดการณ์รายได้ ไตรมาส 3 ปีบัญชี 2565 เติบโต 50% เมื่อเทียบปีก่อน คาดการณ์รายได้เต็มปีบัญชี 2565 อยู่ระหว่าง 1,243-1,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโต 49% - 50% เมื่อเทียบปีก่อน