สงสัยกันไหมว่า ทำไมทฤษฎีต่างๆ ที่มีมาเป็นร้อยปี ถึงยังใช้ได้อย่างแม่นยำมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ ในเมื่อตั้งแต่อดีตดำเนินมาถึงปัจจุบันนั้น โลกมีความเปลี่ยนแปลงไปมากมาย เครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์ หรือเก็บข้อมูลเชิงลึก ก็ถูกพัฒนาไปไกลกว่าสมัยก่อนมาก เหตุใดพวกทฤษฎีที่เก่าแก่ยังใช้ได้ดีอยู่
คำตอบนั้นอาจเป็นวลีคลาสสิก คือ “ทุกสิ่งเปลี่ยนไป แต่ใจคนยังเหมือนเดิม” การขึ้นลงของราคาหุ้นนั้นล้วนมีความหมายที่เชื่อมโยงกับพฤติกรรม อารมณ์ จิตใจ ของนักลงทุน ซึ่งในทุกๆ ยุค มีความเหมือนกัน
เริ่มแรกในการเข้าสู่วงการหุ้นของนักลงทุน ส่วนใหญ่เข้ามาเพราะสนใจในตัวผลกำไรเป็นหลัก ปลาส่วนใหญ่ที่ติดอวนตาข่ายของตลาดหุ้น จึงเป็นกลุ่มคนโลภที่มีอารมณ์ค่อนข้างสูง ถือเป็นการคัดคนเข้าของตลาดหุ้นที่ชาญฉลาด
และเมื่อนักลงทุนเหล่านี้ได้พบเจอกับ สภาวะต่างๆ ของตลาดหุ้นที่สร้างอารมณ์ ความโลภ ความกลัว ความแค้น ความดีใจ ความเสียใจ ความอึดอัด ความเสียดาย ความสิ้นหวัง จนทนความรู้สึกเหล่านี้ไม่ไหวจึงพ่ายแพ้ไปในที่สุด ถือเป็นการคัดคนออกจากตลาดที่แสนแยบยล และวนลูปซ้ำๆ ต่อกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นี่เลยเป็นสิ่งหนึ่งที่เพิ่มความมั่นใจได้ว่า ทฤษฎีที่มีความเชื่อมโยงกับธรรมชาติของอารมณ์มนุษย์นั้นจะยังใช้ได้ดีอยู่เสมอ
Elliott wave เป็นอีกหนึ่งทฤษฎี ที่การขึ้นลงในแต่ละคลื่นนั้น ล้วนมีความหมายที่เชื่อมโยงกับพฤติกรรม อารมณ์ จิตใจ ของนักลงทุน เราจึงสามารถใช้องค์ความรู้นี้มาประยุกต์เป็น Trade Setup ได้
ทฤษฎีของ Elliott wave อาจจะมีความซับซ้อนอยู่มาก จึงต้องอาศัยเวลาและความเชี่ยวชาญถึงจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ทั้งหมด แต่หากเราจะทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเพียงบางส่วนก่อน เพื่อนำมาใช้งานจริงได้เร็ว ก็ย่อมได้ เพียงแต่ต้องรู้จักวิธีควบคุมความเสี่ยงตามไปด้วยเสมอ ผมจะอธิบายแบบง่ายๆดังนี้
และถึงแม้ว่าจะมีเพียง 3 คลื่น แต่สามารถมีมากกว่า 1 ชุด การเคลื่อนไหวในคลื่นรับจึงมีความซับซ้อนมากกว่า และยังสามารถเคลื่อนตัวเป็นรูปแบบสามเหลี่ยม ซึ่งจะกลายเป็น 5 คลื่น คือ a b c d e ได้อีกด้วย
หากในช่วงแรกเราจะสนใจศึกษาในคลื่นส่งก่อน เพื่อได้ทดลองทำกำไร ก็จะเห็นได้ว่าคลื่นที่น่าสนใจที่สุด คือคลื่น 3 เพราะอย่างน้อยเรารู้ว่าจะไม่ใช่คลื่นที่สั้นที่สุด และหากมันย่อก็ยังสามารถขึ้นเป็นคลื่น 5 ได้อีกครั้ง และไม่ต้องทนเสี่ยงกับรูปแบบที่ซับซ้อนของคลื่นรับ เพราะก่อนที่จะเข้าคลื่น 3 ได้ ต้องยืนยันการจบคลื่นรับ เป็นคลื่น 1 มาก่อนแล้ว
ทีนี้เราก็นำข้อมูลกฎต่างๆตามทฤษฎีมาใช้เป็นเงื่อนไขในการสร้าง Trade Setup
เราจะได้กราฟรูปทรงนี้
จะเห็นได้ว่าคลื่น 3 นั้นสามารถขึ้นได้สูงในระยะเวลาอันสั้น จึงสามารถนำมาใช้ในการทำกำไรได้ง่าย
ในการลงทุนอย่างมืออาชีพนั้นแตกต่างจากการเล่นหวยหรือเล่นการพนัน เราจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ใช้งานได้จริง สิ่งใดที่เราเคยทำได้แต่กลับไปทำซ้ำไม่ได้นั้นเป็นเพียงความฟลุ๊ค แต่หากเรากลับไปทำซ้ำได้อย่างต่อเนื่องนี่ถึงจะเป็นของจริง ตลาดหุ้นนั้นเลือกให้ผลตอบแทนนักลงทุนจากคุณค่าที่เค้ามี ฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องรีบ หรือไม่จำเป็นต้องเสียใจหากได้พลาดพลั้งไปแล้ว เพียงกลับมาสร้างคุณค่าในตัวเองให้เพิ่มมากขึ้น นี่เป็นหนึ่งอาชีพที่ทุกความพยายามของเราไม่สูญเปล่า เมื่อมีความรู้ความสามารถมากพอ ตลาดหุ้นจะเลือกให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับตัวเอง
Credit : ข้อมูลองค์ความรู้จาก ครูไก่ กนิษฐา รอดดํา