นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึง แนวโน้มความต้องการสินเชื่อปี2565 โดยระบุว่า ความต้องการสินเชื่อปีนี้น่าจะกลับมาดีขึ้นตามลำดับ
จากภาพรวมตัวเลขสินเชื่อไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมาขยายตัว 6.5% เพิ่มจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ 5.6% โดยสินเชื่อธุรกิจเติบโต 7.9% และสินเชื่ออุปโภคบริโภคขยายตัว 4%
ส่วนแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จากการติดตามสถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างใกล้ชิด ธปท.ยอมรับว่าอาจมีลูกหนี้บางกลุ่มอาจจะตกชั้นเป็นเอ็นพีแอล
หากไปต่อไม่ไหวก็จำเป็นต้องปิดกิจการ ส่วนกลุ่มที่ยังไปได้สามารถขอความช่วยเหลือผ่านมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว( เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2564-สิ้นปี 2566)
“ ธปท.ยังเชื่อมั่นว่าในระยะข้างหน้าอัตราหนี้เสียจะไม่เร่งตัวอย่างก้าวกระโดด แต่จะทยอยเพิ่มขึ้น เพราะตัวเลขหนี้เสียเมื่อไตรมาสที่ 4ของปีที่ผ่านมา มูลค่ารวม 5.30แสนล้านบาทคิดเป็น 2.98% ซึ่งสะท้อนการกลับไปเท่าระดับก่อนโควิด-19 ในปี 2562”
เมื่อพิจารณาดูไส้ในเอ็นพีแอล พบว่า สินเชื่อธุรกิจ มีเอ็นพีแอล อยู่ที่ 3.08%ซึ่งปรับลดลงจาก 3.23%สิ้นปี 2563 โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีขนาดวงเงินสินเชื่อมากกว่า 500 ล้านบาท เอ็นพีแอลอยู่ที่ 2.23% ลดลงจาก 2.50%
ส่วนสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีวงเงินสินเชื่อน้อยกว่า 500 ล้านบาท เอ็นพีแอลอยู่ที่ 7.08% โดยปรับเพิ่มขึ้นจาก 6.95%สิ้นปี 2563
สำหรับสินเชื่ออุปโภคบริโภค พบว่า หนี้เอ็นพีแอลไตรมาสที่ 4ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 2.73% ลดลงจากสิ้นปี 2563 ที่อยู่ 2.85% โดยเอ็นพีแอลปรับลดลงทุกประเภท อาทิ
สินเชื่อที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 3.52% จาก 3.62% , สินเชื่อรถยนต์ 1.50%จาก 1.72%, สินเชื่อบัตรเครดิต 2.25% จาก 3.00% และสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ 2.33% จาก 2.43% ขณะที่หนี้ที่กล่าวถึงเป็นพิเศษ(SM หรือ Stage2) สินเชื่อบ้านปรับเพิ่มเป็น 5.33% จาก 5.29% สินเชื่อรถยนต์ปรับลดลงเป็น 11.08%11.85% สินเชื่อบัตรเครดิตอยู่ที่ 7.91% ปรับลดลงจาก 7.95%และสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ 6.04% จาก 6.01%
ทั้งนี้ ภาพรวมหนี้เสียที่ระดับ 2.98% ถือเป็นการปรับลดลงทั้งในแง่มูลค่าหนี้เสียและสัดส่วน เมื่อเทียบไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 3.14% คิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ 5.46 แสนล้านบาท และตัวเลขSM หรือ Stage2 สะท้อนการปรับลดลงเช่นกัน โดยไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 6.39 ปรับลดลงจาก 6.69%ไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นผลจากมาตรการช่วยเหลือปรับโครงสร้างหนี้ของธปท.และสถาบันการเงินเป็นสำคัญ