รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ระบุว่า ก.ล.ต.ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกรณีซื้อหุ้นบริษัท พลาสติค และหีบห่อไทย จำกัด (มหาชน) (TPAC) และใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญ (TPAC-W1) โดยอาศัยข้อมูลภายใน เปิดเผยข้อมูลภายในแก่บุคคลอื่น และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า บุคคลจำนวน 12 รายคือ
นายทักษะ นายชัชชัย และนายกวีวุฒิ นายราเมซ และพนักงานของ IVL 4 ราย ได้แก่ นาย Ashok นางสาวธัญธร นาย Alexandru และนาย Anish ได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับการตกลงซื้อขายหลักทรัพย์ TPAC ระหว่าง MODERN (ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TPAC) กับกลุ่มตระกูลโลเฮีย (มีความเกี่ยวข้องกับ IVL) ซึ่งทำให้กลุ่มตระกูลโลเฮียเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และมีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของ TPAC โดยกำหนดราคาซื้อสูงกว่าราคาตลาดในขณะนั้น
ระหว่างวันที่ 22 กรกฎาคม – 8 ตุลาคม 2558 นายทักษะได้ซื้อหุ้น TPAC โดยใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายธนรรถ และได้เปิดเผยข้อมูลภายในแก่นายธนรรถซึ่งได้นำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์โดยซื้อขายหลักทรัพย์ TPAC นายชัชชัยได้ซื้อหุ้น TPAC โดยใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวเบญจมาศ และนายกวีวุฒิได้ซื้อหุ้น TPAC โดยใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวอนุตรีย์และนางสาวพีรกานต์
ขณะที่นายราเมซ นาย Ashok นางสาวธัญธร และนาย Anish ได้ซื้อหุ้น TPAC โดยใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง และนาย Alexandru ได้ซื้อหุ้น TPAC และ TPAC-W1 ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง ก่อนหน้า TPAC เปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 12 ตุลาคม 2558
การกระทำของนายทักษะ นายชัชชัย นายกวีวุฒิ นายราเมซ นาย Ashok นางสาวธัญธร นาย Alexandru และนาย Anish เป็นความผิดฐานซื้อหลักทรัพย์ TPAC โดยอาศัยข้อมูลภายในตามมาตรา 241 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 แห่ง พ.ร.บ. ฉบับเดียวกัน ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับขณะกระทำความผิด
ปัจจุบันการกระทำดังกล่าวยังคงเป็นความผิดตามมาตรา 242 และ มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 นอกจากนี้ การกระทำของนายทักษะยังเป็นความผิดฐานเปิดเผยข้อมูลภายในแก่บุคคลอื่น
ส่วนการกระทำของนายธนรรถ นางสาวเบญจมาศ นางสาวอนุตรีย์ และนางสาวพีรกานต์ เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานซื้อหลักทรัพย์ TPAC โดยอาศัยข้อมูลภายในตามมาตรา 241 ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 บัญญัติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้กับการกระทำความผิดดังกล่าวได้
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับบุคคลทั้ง 12 ราย โดยให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและชดใช้เงินเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิด ดังนี้
สำหรับ (9) นายธนรรถ (10) นางสาวเบญจมาศ (11) นางสาวอนุตรีย์ และ (12) นางสาวพีรกานต์ ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง รายละ 333,333.33 บาท
ทั้งนี้ หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราที่ไม่ต่ำกว่าที่ ค.ม.พ. กำหนดจนถึงอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ
การที่ ค.ม.พ. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดทั้ง 12 ราย อาจเป็นเหตุให้ผู้กระทำความผิดดังกล่าวเข้าข่ายเป็นผู้มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กจ. 3/2560