รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ระบุว่า การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ดัชนีหุ้นร่วงลงอย่างหนัก แกว่งตัวในแดนลบตลอดทั้งวัน หลังความตึงเครียดระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน มีแนวโน้มยืดเยื้อ โดยสหรัฐและชาติพันธมิตรเตรียมเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม อาจทำให้สถานการณ์ยืดเยื้อต่อไป
ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับลงไปต่ำสุดที่ระดับ 1,616.08 จุด ลดลง 55.64% ก่อนจะปรับขึ้นมาปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,626.70 จุด ลดลง 45.02 จุด หรือลดลง 2.69% มูลค่าการซื้อขาย 127,806.20 ล้านบาท โดยมีหลักทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 316 หลักทรัพย์ ลดลง 1,948 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 140 หลักทรัพย์
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
ขณะที่การซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มพบว่า นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 11,758.30 ล้านบาท ขณะที่สถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 6,583.65 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 2,881.04 ล้านบาท และนักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 2,293.61 ล้านบาท
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงเป็นไปตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่ตอบรับความกังวลของนักลงทุนในสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ ประกอบมาตรการคว่ำบาตรที่ตอบโต้กันที่อาจมีออกมาเพิ่มเติม จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจโลกให้กลับไปชะลอตัวได้ ทำให้เกิดแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อโยกเข้าไปที่สินทรัพย์ปลอดภัย
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้มีโอกาสรีบาวด์ทางเทคนิคหลังคงไปแรงมาก แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก อาจทำให้ดัชนีมีความผันผวน แนะเกาะติดความคืบหน้าสถานการณ์ในยูเครน และใช้ความระมัดระวังในการลงทุนช่วงนี้ให้มาก อย่างไรก็ตาม สามารถเก็งกำไรหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าว โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มโรงกลั่นและพลังงานที่ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันพุ่ง ให้แนวต้าน 1,640 จุด และ แนวรับ 1,620 จุด