รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ระบุว่า การซื้อขายหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ดัชนีตลาดหุ้นไทยเปิดการซื้อขายในแดนลบ โดยดัชนีลงไปต่ำสุดที่ระดับ 1,610.34 จุด ลดลง 8.26 จุด ก่อนจะฟื้นตัวขึ้น ตามแรงซื้อกลับในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นแบงก์ หลังราคาปรับลดไปมาก ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสามารถขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 1,643.87 จุด เพิ่มขึ้น 24.77 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,643.64 จุด เพิ่มขึ้น 24.54 จุด หรือ 1.52% มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 115,051.73 ล้านบาท
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 1,513 หลักทรัพย์ ลดลง 473 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 413 หลักทรัพย์
ขณะที่การซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มพบว่า นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,129.33 ล้านบาทและนักลงทุนทั่วไปในประเทศขายสุทธิ 1,267.61 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 5,089.33 ล้าบาทและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 307.61 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยเริ่มมีความหวังเชิงบวกต่อการเจรจารอบใหม่ระหว่างรัสเซียและยูเครนระดับรัฐมนตรีต่างประเทศพรุ่งนี้ ที่อาจนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิง และหวังการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) ที่จะอัดสภาพคล่องเพื่อผ่อนคลายผลกระทบจากสงคราม ทำให้แนวโน้มพรุ่งนี้มีโอกาสขึ้นไปต่อ ทดสอบแนวต้าน 1,650-1,655 จุด ส่วนแนวรับที่ 1,640 จุด
ด้านนายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยที่ปรับขึ้นแรงในช่วงบ่าย เพราะรับแรงกลับที่เข้ามาหลังจากเมื่อวานปรับลงไปแรง โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ อย่างหุ้นแบงก์ ที่ราคาลงไปค่อนข้างมากแล้ว และตลาดหุ้นยุโรปวันนี้เปิดมาในแดนบวกคาดว่าจะตอบรับความคาดหวังสงครามรัสเซีย-ยูเครน อาจมีทางออกในการเจรจากันได้ หลังยูเครนประกาศจะไม่เข้าร่วมกลุ่มนาโต
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาได้หลังจากลงลึกไปถึง 1,570-1,580 จุด โดยกลุ่มที่ถูกเทขายไปก่อนหน้าหนี้ได้มีแรงซื้อกลับเข้ามามาก เช่น กลุ่มแบงก์ กลุ่มเกี่ยวข้องชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงหุ้นขนาดใหญ่ เช่น AOT
ทั้งนี้เป็นผลจากการที่นักลงทุนมีความคาดหวังเชิงบวกต่อการเจราระหว่างรัสเซียและยูเครนระดับรัฐมนตรีต่างประเทศในวันพรุ่งนี้ หลังจากมีข่าวว่า ประธานาธิบดียูเครนประกาศไม่ขอเป็นสมาชิกนาโต และที่ผ่านมานาโต ไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือยูเครน ทำให้มีความหวังผลการเจรจาจะนำไปสู่การหยุดยิง
นอกจากนั้น วันพรุ่งนี้ก็จะมีการประชุม ECB ต้องติดตามว่า ECB จะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบหรือไม่หลังจากยุโรปได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากวิกฤตสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน แนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้จึงมองว่ามีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ โดยน่าจะสามารถขึ้นมาทดสอบบริเวณแนวต้าน 1,650-1,655 จุด และให้แนวรับไว้ที่ 1,640 จุด