หุ้นไทย ไร้ปัจจัยใหม่ แกว่งตัวไซด์เวย์ ปิดบวก 2.14 จุด

14 มี.ค. 2565 | 11:08 น.
อัปเดตล่าสุด :14 มี.ค. 2565 | 18:09 น.

ตลาดหลักทรัพย์ ปิดซื้อขายที่ระดับ 1,660.15 จุด แกว่งตัวในกรอบแคบๆ เพิ่มขึ้นเพียง 2.14 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง เหตุไม่มีปัจจัยใหม่เข้าหนุน เกาะติดสงครามรัสเซีย-ยูเครน การประชุมเฟด คืนที่ 15 มี.ค.นี้

รายงานจากตลาดทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ระบุว่า การซื้อ หลักทรัพย์เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงตามตลาดภูมิภาค โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,662.66 จุด และลงไประดับต่ำสุดที่  1,651.90 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,660.15 จุด เพิ่มขึ้น 2.14 จุด หรือ  +0.13% มูลค่าการซื้อขายเบาบาลเพียง  65,217.92 ล้านบาท

 

 

หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 700 หลักทรัพย์ ลดลง  1,089 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 570 หลักทรัพย์

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

  • KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,676.08 ล้านบาท ปิดที่ 162.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท
  • PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,963.35 ล้านบาท ปิดที่ 148.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
  • BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,792.12 ล้านบาท ปิดที่ 11.20 บาท ลดลง 0.30 บาท
  • BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,685.14 ล้านบาท ปิดที่ 136.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
  • BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,551.83 ล้านบาท ปิดที่ 25.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

 

สำหรับการซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มพบว่า สถาบันในประเทศ ขายสุทธิ  741.40  ล้านบาทและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ  311.46 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ  933.88 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ118.98  ล้านบาท         

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆ  เนื่องจากไม่มีปัจจัยอะไรใหม่  ขณะที่นักลงทุนรอติดตามผลการหารือระหว่างรัสเซียและยูเครน และที่สำคัญ คือ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันที่ 15-16  มี.ค.นี้ คาดว่า จะทราบผลในช่วงเย็นของวันที่ 16 มี.ค.65

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)

ทั้งนี้มองว่า หากเฟดไม่ได้ดำเนินนโยบายทางการเงินที่แข็งกร้าวจนเกินไปจะส่งผลดีต่อตลาด แต่หากยืนยันขึ้นดอกเบี้ยอย่างเข้มข้นก็อาจกดดันตลาดปรับลงไปแถวแนวรับ 1,620  จุดได้

 

ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ปรับตัวลงเล็กน้อย ยกเว้นจีนที่ปรับตัวลงไปค่อนข้างแรงจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์สกัดโควิดรอบใหม่ ทำให้กังวลผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงแผนเปิดประเทศในช่วงปลายปีนี้และต้นปีหน้าอาจต้องชะลอออกไป

 

แนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้คาดว่าตลาดฯน่าจะยังคงแกว่งไซด์เวย์รอปัจจัยใหม่ทั้งในเชิงบวกและลบ ให้กรอบแนวรับที่ 1,640 จุด และแนวต้านที่ 1,660 จุด