นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีมีการกล่าวหาว่ารัฐบาลซุกหนี้ 1 ล้านล้านบาทนั้น ยืนยันว่า ไม่จริง ซึ่งการใช้จ่ายเงินดังกล่าว เป็นไปตามกฎหมาย ม.28 ภายใต้ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2561
ที่ให้อำนาจฝ่ายบริหารสามารถใช้จ่ายในโครงการที่จำเป็นได้ ในลักษณะการก่อหนี้ผ่านหน่วยงานและตั้งเบิกงบนำมาคืนในปีงบประมาณถัดไป เช่น โครงการประกันรายได้เกษตรกร ซึ่งหากรัฐบาลไม่ดำเนินโครงการ ก็จะส่งผลต่อความเดือดร้อนของเกษตรกรได้
นายอาคม กล่าวอีกว่า จากความเดือดร้อนของเกษตรกรที่พบว่าราคาสินค้าตกต่ำ ขณะที่การตั้งงบคืนนั้นในแต่ละปี ไม่เต็มจำนวน เนื่องจากงบประมาณที่มีจำกัด ทำให้มีพื้นที่ในการใช้จ่ายเงินส่วนนี้เหลือน้อยลง รัฐบาลจึงจำเป็นต้องขยายเพดานการใช้เงินตามมาตรา 28 จากไม่เกิน 30% เป็น ไม่เกิน 35% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี
“รัฐบาลได้ใช้กลไกตรงนี้เข้าไปดูแลเกษตรกร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ก็ให้ ธ.ก.ส. จ่ายเงินไปก่อน และรัฐมาตั้งของบคืนให้ภายหลัง เช่นเดียวกับการให้สินเชื่อซอฟต์โลนของแบงก์พาณิชย์ ซึ่งรัฐบาลก็ชดเชยกรณีหนี้เสีย ในสัดส่วนไม่เกิน 30% ของหนี้เสีย ดังนั้น ไม่ถือเป็นการกู้เงิน แต่เป็นการให้หน่วยงานออกไปก่อน จึงไม่ถือเป็นหนี้สาธารณะ ” นายอาคม กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงการคลังได้ไล่ปิดโครงการ เนื่องจากบางโครงการได้ตั้งขอใช้งบไว้แต่ไม่ได้ใช้จ่ายเงิน เช่น โครงการประกันราคาปาล์ม เนื่องจากปัจจุบันมีราคาสูง ทำให้ไม่ต้องใช้งบในการเข้าไปช่วยเหลือด้านราคา หรือ บางโครงการที่ใช้เงินไม่หมด แต่จบโครงการแล้ว ก็ให้เร่งสรุป และส่งเงินคืนมา เป็นต้น