นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานจัดหาเงินกู้ให้แก่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเปิดเผยว่า ขณะนี้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ระหว่างการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อนำมาเป็นสภาพคล่องให้แก่กองทุนฯ โดยได้เจรจากับธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง หนึ่งในนั้น คือ ธนาคารออมสิน และ ธนาคารกรุงไทย คาดว่า จะได้ข้อสรุปภายในเดือน พ.ค.นี้
สำหรับวงเงินที่จะขอกู้นั้น อยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้บรรจุไว้ในแผนการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ 2565 แล้ว โดยกองทุนฯจะกู้เต็มวงเงินดังกล่าว แต่จะทยอยเบิกจ่ายเท่าที่จำเป็น
“เราจะรีบเจรจากับแบงก์ให้แล้วเสร็จ ขณะนี้ ก็คุยไว้หลายแห่ง หนึ่งในนั้น คือ ออมสิน กับ กรุงไทย ก็คาดว่า ภายในเดือนนี้ จะได้ข้อสรุป จากนั้น เราก็จะทยอยเบิกจ่ายเงินกู้ เพื่อนำไปเสริมสภาพคล่องให้แก่กองทุนฯ”
รองปลัดกระทรวงการคลัง สาเหตุที่สถานะกองทุนน้ำมันฯ อยู่ในภาวะติดลบ เรื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูง โดยรัฐบาลได้เข้าไปอุดหนุนในเรื่องของภาษีน้ำมันดีเซลไว้ ทำให้กองทุนฯ ยังสามารถบริหารสภาพคล่องได้ในระดับหนึ่ง และหลังจากที่รัฐบาลได้ทยอยลดการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลลง ทำให้สถานะกองทุนฯ เริ่มดีขึ้น
“กองทุนฯจะต้องมีวงเงินไว้สำหรับเสริมสภาพคล่องกรณีสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้นไปอีก และ รวมถึงกรณีสิ้นสุดระยะเวลาการลดภาษีน้ำมันดีเซลในวันที่ 20 พ.ค.นี้ แต่อย่างไรก็ตาม สถานะกองทุนฯจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกด้วย ซึ่งขณะนี้ ก็ถือว่า ทรงตัวอยู่ในระดับสูง”
ผู้สื่อข่าวรายงงานเพิ่มเติมว่า ข้อมูล ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2565 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีฐานะติดลบ 66,681 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 33,258 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 33,423 ล้านบาท แม้ว่า กองทุนจะติดลบ แต่ยังมีสภาพคล่องเงินสดในบัญชีอยู่ 12,932 ล้านบาท