นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มีการเสนอรายชื่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการเปิดประมูลโครงการท่อส่งน้ำภาคตะวันออก ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว
โดยได้เสนอชื่อนายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน และคณะกรรมการประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการคลังที่มีความเป็นกลาง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการที่ราชพัสดุ และคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเอกชนในการจัดให้เช่า/บริหารระบบท่อส่งน้ำภาคตะวันออก
ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะเข้ามาตรวจสอบกระบวนการคัดเลือกทั้งหมด พร้อมกับลงพื้นที่จริงเพื่อดูความโปร่งใส ถูกต้องหรือไม่ รวมทั้งจะมีการตรวจสอบรายได้ย้อนหลังของบริษัทที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูความสอดคล้องของรายได้และเงินที่นำส่งรัฐ
โดยกำหนดให้กระบวนการตรวจสอบแล้วเสร็จภายใน 20 พฤษภาคม 65 นี้ หลังจากนั้นจะมีการแถลงให้สังคมได้รับทราบต่อไป พร้อมยืนยันว่า การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบครั้งนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นการเมือง แต่เพื่อให้สังคมได้คลายความสงสัย
“ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกลัวฝ่ายค้าน หรือประเด็นทางการเมือง แต่เป็นเพราะเมื่อสังคมเกิดความสงสัย ก็ต้องตรวจสอบหาความจริงให้สังคมรับทราบ ซึ่งจะต้องรีบทำโดยเร็ว
เพราะหากชะลอ หรือไม่ปฏิบัติอะไรเลย อาจเข้าข่ายการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ภาครัฐเสียประโยชน์ จากการลงนามที่จะมีรายได้เข้ารัฐทันทีกว่า 1,500 ล้านบาท อีกทั้งยังทำให้ประชาชนเดือดร้อน เพราะราคาน้ำที่ใช้ใหม่นี้ จะลดเหลือไม่เกินหน่วยละ 10.98 บาท ซึ่งถูกกว่าแต่ก่อนค่อนข้างมาก” นายประภาศ กล่าว
นายประภาศกล่าวอีกว่า ในวันนี้ (6 พ.ค.65) ตนได้ลงนามให้เจ้าหน้าที่กรมธนารักษ์ เป็นตัวแทนไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่สถานีตำรวจ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบกรณีข้อความแชทหลุด
ว่าเป็นข้อความจริง หรือเข้าข่ายการขัดขวางเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการเอาคืนใคร แต่เมื่อเกิดประเด็นขึ้นมาตามหน้าที่ก็ต้องมีการส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบตามขั้นตอนปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีแชทหลุด พบว่ามีการเผยแพร่การสั่งงานผ่านแอพฯ ไลน์ของผู้บริหารอีสท์วอเตอร์ มีใจความ ไม่ให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่กรมธนารักษ์ในการเข้าสำรวจพื้นที่ท่อส่งน้ำอีอีซี เช่น ได้สั่ง รปภ.ให้เข้มงวดในการเข้าพื้นที่โดนไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้า สั่งการให้ล็อกประตูสถานีสูบน้ำ อาคาร ไฟฟ้าทั้งหมด เป็นต้น