บิทคอยน์ดิ่งหนักมาก นักลงทุนไปต่อดีไหม

14 มิ.ย. 2565 | 03:45 น.
อัปเดตล่าสุด :14 มิ.ย. 2565 | 10:54 น.

บิทคอยน์ดิ่งหนัก Satang ชี้ ตลาดขาลงของ คริปโต ยังไม่จบจริงใน 1-2 เดือนนี้แน่ เหตุเงินเฟ้อสหรัฐจะยังคงสูงขึ้นไม่เปลี่ยนไปในช่วง 1 - 3 เดือนจากนี้ ส่งเฟดต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย

นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง Satang ผู้นำธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชนเปิดเผยว่า สาเหตุที่ราคาบิทคอยน์ (BTC) ทิ้งดิ่งหนักจนไปแตะที่ $23,839 และอีเธอเรียม (ETH) $1,215 เมื่อเวลา 16.51 น. วันที่ 13 มิถุนายน 2565 ปัจจัยหลักมาจาก ตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของเดือนพฤษภาคม ที่สหรัฐฯประกาศออกมาสูงเกินคาดที่  8.6% ซึ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี

นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง Satang

สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น จากเมื่อ 2 เดือนก่อน อยู่ที่ประมาณ $100 - $110 ต่อบาเรล ขึ้นมาอยู่ที่ $105 - $120 ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย จนทำให้นักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันพุธที่ 17 มิถุนายน (หรือเช้าวัน พฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทย) เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นักวิเคราะห์ของ Barclay Bank ซึ่งเป็นสาย extreme สุดด้านคาดการณ์เงินเฟ้อขณะนี้ คาดการณ์ว่า เฟด อาจขึ้นดอกเบี้ยมากถึง 0.75% ในการประชุมคืนวันพุธนี้ อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ทั่วไปยังคงมองว่า เฟด จะยังคงขึ้นที่ 0.5%

 

“สิ่งสำคัญที่จะต้องจับตามองคือถ้อยแถลงของ FED ที่มีต่อสถานการณ์เงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 40 ปีนี้ ว่า FED จะเดินหน้ามาตรการอะไรต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อให้ได้” นายปรมินทร์กล่าว

อีกปัจจัยหนึ่งก็คือความวิตกกังวลของนักลงทุนต่อมาตรการของจีนที่เริ่มกลับมาใช้ข้อบังคับเรื่องการป้องกันไวรัสระบาดอีกครั้ง หลังจากประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ไปเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้า ปัจจัยนี้ส่งผลกระทบต่อความต้องการด้านอุปสงค์ หรือ Demand-side

 

ส่วนเหตุผลทางด้าน Technical Chart นั้นในช่วง 1 - 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้เห็นแล้วว่า ราคา ETH อยู่แถว $1,800 - $2,000 ซึ่งมีแนวโน้มที่จะลงมาทดสอบ ที่ $1,200 - $1,400 ได้ไม่ยากในเวลาอันใกล้ และ BTC เองก็อาจจะลงไปสู่ระดับ $19,000 - $21,000 ในช่วงเวลาอันใกล้นี้

 

“เงินเฟ้อ จะยังคงสูงขึ้นไม่เปลี่ยนไปในช่วง 1 - 3 เดือนนี้แน่นอน ดังนั้นเฟด ก็ยังต้องสู้เงินเฟ้ออย่างก้าวร้าวต่อไป ด้วยเหตุนี้ตลาดขาลงของคริปโต ก็คงยังไม่จบจริงในเวลา 1-2 เดือนนี้แน่นอน และถึงแม้ว่าจะเป็นขาลง ตลาดก็ไม่ได้วิ่งลงเป็นเส้นตรงดิ่งลงตลอดเวลา บางทีก็เป็นลักษณะวิ่งลงแบบซิกแซ็ก ดังนั้น ไม่ควร All-in ในครั้งเดียว ต้องจัดการเรื่อง allocation risk หรือการจัดการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตให้เหมาะสมด้วย” นายปรมินทร์กล่าว

 

ดังนั้น ถ้าจะถามว่า ตลาดตอนนี้น่าลงทุนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นนักเทรดประเภทใด ถ้าเป็นสายทำกำไรก็อาจทำได้แต่ต้องระมัดระวังเรื่องการลงแบบซิกแซ็กขึ้นๆ ลงๆ ส่วนถ้าเป็นกลุ่มลงทุนระยะกลาง 1 - 3 เดือน การลงทุนใน Stablecoin ที่มีสินทรัพย์หนุนหลังก็ยังพอให้ผลตอบแทนได้ในท่ามกลางสภาวะเงินดอลลาร์แข็งค่าขณะนี้ หากเป็นกลุ่มลงทุนระยะยาวหรือ DCA ก็สามารถที่จะซื้อเก็บได้ทุก ๆ 2 - 3 เดือน ไม่ถึงกับต้องนั่งเฝ้าซื้อเก็บทุกสัปดาห์

 

 

นายสรัล ศิริพันโนน ซีอีโอ Satang Corporation ให้ความเห็นว่า  ขาลงของทั้ง BTC และ ETH ยังไม่จบ เพราะทั้ง มุมมองของเฟด ขณะนี้ และ Technical Chart ยังไปช่วยหนุนขาลงอยู่ สิ่งที่พอจะช่วยนักลงทุนในการวิเคราะห์สถานการณ์ขณะนี้ได้ก็คือ

บิทคอยน์ดิ่งหนักมาก นักลงทุนไปต่อดีไหม

 

  1. อ่านใจและวิธีคิดของเฟดให้ออก ผ่านมุมมองการวิเคราะห์ที่เราหาได้ไม่ยากใน internet แต่ จงถามตัวเองเสมอด้วยว่า บทวิเคราะห์ที่อ่านนั้นมองข้ามอะไรไปบ้าง ณ ตอนนี้เฟด คงสนใจว่า เงินเฟ้อจะเป็นอย่างไรผ่าน CPI index หรือ ดัชนีราคาของผู้บริโภค และราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น
  2. อ่านกราฟให้ออก ไม่ใช่แค่มอง technical chart ของคริปโต เท่านั้น แต่ต้องมองไปที่ กราฟราคาน้ำมันว่า จะไปอย่างไรด้วย เพราะถ้าตอนนี้ยังอยู่แถว $117 - $120 ยังคงมี trend ขาขึ้นซึ่งสามารถวิ่งไปถึง $130 - $150 ได้ไม่ยาก