นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า วันนี้ (7ก.ค.65) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการดำเนินโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก หรือ EEC ที่มีนายวิจักษณ์ อภิรักษ์นนท์ชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลังเป็นประธาน จะมีการสรุปและส่งรายงานผลการตรวจสอบทั้งหมด ไปยังนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป
“หากผลการตรวจสอบเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่มีความเห็นเพิ่มเติม ก็เข้าใจว่า จะสามารถทำสัญญาบริหารโครงการดังกล่าวกับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง ในฐานะผู้ชนะการประมูลได้ ภายใน 1-2 เดือนนี้ แต่อย่างไรก็ตามยังต้องรอคำสั่งของ รมว.คลังอีกครั้ง” นายประภาศ กล่าว
นายประภาศ กล่างอีกว่า ในการตรวจสอบรอบแรกในเรื่องของขั้นตอนการประมูลนั้น ทางคณะกรรมการชุดดังกล่าว ได้มีข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วว่า ขั้นตอนการประมูลเป็นไปอย่างถูกต้องและโปร่งใส
ขณะเดียวกัน ทางกรมฯ ได้ยืนยันมาตลอดว่า ขั้นตอนการประมูลนั้น มีความถูกต้อง แต่ทาง รมว.คลัง เห็นว่า ควรมีการตรวจสอบเพิ่มเติม เนื่องจากยังมีข้อสงสัยในสังคม ฉะนั้น การดำเนินโครงการดังกล่าวก็จะต้องขึ้นอยู่กับนโยบาย
ทั้งนี้ หากมีการเซ็นสัญญากับ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง เรียบร้อยแล้ว ทางกรมฯจะได้รับเงินก้อนแรกประมาณ 1.5 พันล้านบาท และ จะได้รับเงินตลอดอายุสัญญา 30 ปีกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท
โดยในช่วงที่ผ่านมา ทางกรมฯ ได้ลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึง บริษัท อีสท์วอเตอร์ ในฐานะผู้ถือสัญญาบริหารโครงการฯ ในปัจจุบัน โดยกรมได้รับความร่วมมืออย่างดี และขณะนี้ได้มีการตรวจสอบทรัพย์สินต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเมื่อถึงกำหนดครบสัญญาบริหารโครงการฯ ทางอีสท์วอเตอร์ ก็จะดำเนินการส่งมอบทรัพย์สินต่อให้กับบริษัท วงษ์สยามฯ เพื่อนำไปบริหารต่อไป