นายไชย ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) หรือ TLI กล่าวถึงทิศทางบริษัทฯ หลังระดมทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯว่า บริษัทได้กำหนดวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ (Business Purpose) สู่การเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นชีวิต (Life Solutions Provider) มุ่งสู่การเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต การประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล เพื่อสร้างความมั่นคงในทุกช่วงของชีวิต (Life Stage) ทุกจังหวะชีวิต (LifeEvent) และทุกการใช้ชีวิต (Lifestyle) ของคนไทย
สำหรับแผนการใช้เงินระดมทุนนั้น ส่วนใหญ่ใช้เพื่อการเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจและเพิ่มศักยภาพการเติบโตในอนาคต โดยเน้นลงทุนในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) รวมทั้งส่งเสริมการตลาดผ่านนวัตกรรมและ โซลูชันเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการให้บริการและดูแลลูกค้าได้อย่างครบวงจร การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางจัดจำหน่ายผ่านทางพันธมิตรที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับลูกค้าทั่วประเทศ ตลอดจนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินทุน และวัตถุประสงค์อื่นๆ โดยเชื่อว่านักลงทุนจะเห็นถึงศักยภาพของ TLI
ด้านนายวิญญู ไชยวรรณ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TLI กล่าวว่า บริษัทมีพื้นฐานของธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีโอกาสในการเติบโตได้อีกมากในอนาคต เพราะประเทศไทยในปัจจุบันกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประกอบกับคนไทยมีความสนใจในการซื้อประกันชีวิตและสุขภาพมากขึ้น
แนวโน้มผลงานไตรมาส 2 ปี 2565 TLI มีทิศทางดีขึ้น เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการปรับการขายผลิตภัณฑ์ที่สามารถให้ผลตอบแทน (รีเทิร์น) ที่ดีมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความยืดหยุ่น และไม่ได้การันตีผลตอบแทนให้กับลูกค้าเหมือนในอดีต รวมถึงขยายผลิตภัณฑ์กลุ่มประกันเพื่อสุขภาพและประกันควบการลงทุน หรือ ยูนิตลิงค์ (Unit Linked) ตลอดจนผลิตภัณฑ์ที่ไม่อิงกับดอกเบี้ยให้เพิ่มมากขึ้น เพราะผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าวให้มาร์จินในระดับที่สูงกว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ทั่วไป
นางวรางค์ ไชยวรรณ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TLI เปิดเผยว่า ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนของบริษัทรวมมูลค่ามากกว่า 4 แสนล้านบาท โดยสัดส่วนการลงทุนเป็นหุ้นสามัญอยู่ที่เฉลี่ย 13% จากเกณฑ์ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 15% และ มีพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ที่มีเรตติ้งสูง ซึ่งในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าผลตอบแทนจากการลงทุนไว้ที่ 3-4%
ส่วนสถานการณ์ดอกเบี้ยขาขึ้น บริษัทได้มีการขายหุ้นต่างประเทศออกแล้วในช่วงต้นปีนี้ เพื่อปรับการลงทุนมาลงในตลาดหุ้นไทย รวมไปถึงถือเงินสดมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน และ เงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น
การเคลื่อนไหวราคาหุ้น TLI ซื้อขายในวันที่สอง (26 ก.ค.65) ล่าสุดเมื่อเวลา10.22 วันนี้อยู่ที่ระดับ 15.50 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือลบ 2.52% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 16.00 บาท และต่ำสุดที่ 15.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,717.89 ล้านบาท
โดยการซื้อขายวันแรก ( 25 ก.ค.65 ) หุ้น TLI เปิดที่ 16 บาท เท่ากับราคาขายไอพีโอ ในระหว่างวันราคาปรับตัวสูงสุดที่ 16.30 บาท ก่อนเคลื่อนไหวมาปิดตลาดวานนี้อยู่ที่ 15.90 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.62% ซึ่งเป็นราคาต่ำสุด
ด้านนายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ ประธานสายวานิชธนกิจและตลาดทุน กลุ่มธุรกิจการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้เคลื่อนไหวผันผวน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ราคาหุ้น TLI มีความผันผวนหลังเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก ซึ่งปรับตัวลงมาอยู่ที่ 15.90 บาท ซึ่งซื้อขายต่ำกว่าราคาไอพีโอที่ 16 บาท
อย่างไรก็ตาม TLI มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment) หรือ กรีนชู จำนวน 161.63 ล้านหุ้น ซึ่งคาดว่ามีโอกาสใช้หุ้นส่วนเกินจำนวนนี้เพื่อดูแลเสถียรภาพราคาหุ้นไม่ให้ปรับตัวลงไปมาก โดยมีเวลากำหนดไว้ 30 วัน หรือสิ้นสุดในวันที่ 23 ส.ค. นี้ โดยจังหวะในการเข้าซื้อมองว่าอยู่ที่ระดับ 15.80-15.90 บาท จากราคาที่ใส่ไว้ไม่เกิน 16 บาท อย่างไรก็ตามอยากให้นักลงทุนมองที่พื้นฐานธุรกิจของ TLI ที่แข็งแกร่งมากกว่า โดยเฉพาะช่องทางตัวแทนประกันชีวิตที่โดดเด่น และ สร้างยอดขายได้ดี
ส่วนความเป็นไปได้ที่หุ้น TLI จะเข้าคำนวณในดัชนี SET50 ด้วยวิธีการ Fast-Track นั้น ต้องมีมาร์เก็ตแคปเกิน 1% ของมาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นไทย หรือคิดเป็นราคาหุ้นประมาณ 16.40 บาท หรือดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ระดับ 1,550 จุด ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ วันถัดมาตลาดหลักทรัพย์จะทำการประกาศรายชื่อ และจะนำเข้าคำนวณในดัชนี SET50 ใน 3 วันถัดไป แต่หากไม่ถึงเกณฑ์ตามที่กำหนด หุ้น TLI จะรอเข้าคำนวนในรอบถัดไปแทน