สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 12.6 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ 1,781.8 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวขึ้น 3.2% ในรอบสัปดาห์นี้ แต่ลดลง 1.4% ในเดือนก.ค.
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 32.9 เซนต์ หรือ 1.66% ปิดที่ 20.197 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 13 ดอลลาร์ หรือ 1.48% ปิดที่ 889.8 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 49.50 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 2,129.70 ดอลลาร์/ออนซ์
ทั้งนี้สัญญาทองคำได้แรงหนุนจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.42% สู่ระดับ 105.9030
ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันศุกร์ช่วยหนุนสัญญาทองคำด้วย เนื่องจากนักลงทุนได้พากันเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงขึ้นในเดือนมิ.ย.
โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.8% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมิ.ย. ทำสถิติเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 40 ปีนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2525 และเมื่อเทียบเป็นรายเดือนแล้ว ดัชนี PCE ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2524
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด (FED) ให้ความสำคัญ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบรายปี และเพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งมากกว่าการคาดการณ์ของตลาด
ด้านสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ของสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจเขตชิคาโกลดลงสู่ระดับ 52.1 ในเดือนก.ค. จากระดับ 56 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 56