นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยภายหลังเข้าพบนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้บริหาร ทั้ง 6 สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กำชับให้ทุกแบงก์รัฐทำการตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ให้นานที่สุด รวมทั้งพิจารณาออกมาตรการช่วยลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้นเพิ่มเติมด้วย
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า หากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ จะส่งผลกระทบต่อลูกหนี้ของ ธ.ก.ส. อย่างแน่นอน โดยส่วนใหญ่คิดอัตราดอกเบี้ยแบบ MRR มูลหนี้รวมประมาณ 1 ล้านล้านบาท
“ลูกหนี้ของ ธ.ก.ส. ที่ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อยจะได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับขึ้นอย่างแน่นอน โดยขณะนี้เกษตรกรก็ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอยู่แล้ว ดังนั้นหากต้นทุนทางการเงินปรับขึ้นสูงอีก ก็จะยิ่งกระทบ ดังนั้น ธ.ก.ส. จะทำการตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ให้นานที่สุด” นายธนารัตน์ กล่าว
นายธนารัตน์ กล่าวอีกว่า นอกจากดอกเบี้ยในฝั่งของเงินกู้ที่ต้องพิจารณาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับลูกค้าของธนาคารแล้ว ยังต้องจับตาดูท่าทีของ 4 แบงก์ใหญ่ ว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากเมื่อไหร่ เพราะหากมีการปรับขึ้น ก็จะส่งผลต่อแบงก์ ทำให้เงินฝากไหลออกอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามในฝั่งของแบงก์รัฐเอง ยังต้องคำนึงถึงหลักการที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือประชาชนด้วย