นายริคคาร์โด มาร์เซลลี ฟาบิอานี นักวิเคราะห์จากออกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิคส์ เปิดเผยว่า เงินเฟ้อ ที่พุ่งขึ้นจะกดดันอุปสงค์ ฉุดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และส่งผลให้ เศรษฐกิจยูโรโซน เข้าสู่ ภาวะถดถอย ในฤดูหนาวนี้
ขณะที่นายมาดิส มูลเลอร์ ประธานธนาคารกลางเอสโทเนีย กล่าวว่า ECB ควร ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 8 ก.ย.เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงนิวไฮในเวลานี้ "ผมคิดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ควรเป็นตัวเลือกหนึ่งในการประชุมเดือนก.ย. เนื่องจากแนวโน้มเงินเฟ้อยังไม่ดีขึ้น"
นอกจากนี้ ยังระบุว่า ECB ควรเข้มงวดในการใช้นโยบายการเงิน เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มพุ่งขึ้นต่อไป และขณะนี้อยู่สูงกว่าเป้าหมายที่ 2% ของ ECB มากกว่า 4 เท่า
สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยล่าสุดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ระดับ 9.1% ในเดือนส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่ยูโรสแตทเริ่มรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2540 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.0% จากระดับ 8.9% ในเดือนก.ค.
นอกจากนี้ ดัชนี CPI ยังสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) กำหนดไว้ที่ระดับ 2%
นางอิสซาเบล ชนาเบล กรรมการ ECB ระบุเช่นกันว่า ECB ควรจะใช้นโยบายการเงินอย่างเข้มงวดเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่น้อยกว่า 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย.นี้ แม้ว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอยได้
สื่อรายงานว่า ดัชนี CPI ของยูโรโซนทำสถิติปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกัน 9 เดือนแล้ว โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาอาหารและพลังงาน ขณะที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อนที่แผ่กระจายไปทั่วยุโรป รวมทั้งการทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนด้วย
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ ECB ให้ความสำคัญ ดีดตัวสู่ระดับ 5.5% ในเดือนส.ค. จากระดับ 5.1% ในเดือนก.ค.