ECB ขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกรอบ 11 ปี 0.50% สกัดความร้อนแรงเงินเฟ้อ

21 ก.ค. 2565 | 23:41 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ก.ค. 2565 | 06:51 น.

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวานนี้ (21 ก.ค.) ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 11 ปี และเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ย "ครั้งใหญ่ที่สุด" นับตั้งแต่ปี 2543 เพื่อสกัดความร้อนแรงของเงินเฟ้อที่พุ่งเหนือระดับ 9.0%

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2554 ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสฯ (21 ก.ค.) เพื่อรับมือ วิกฤติอัตราเงินเฟ้อ ที่พุ่งอย่างร้อนแรง โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการปรับขึ้นถึงครึ่งเปอร์เซ็นต์ (0.50%) ซึ่งมากเกินความคาดหมาย (เมื่อเดือนมิ.ย. ECB ส่งสัญญาณว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพียง 0.25%) และยังเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 ทำให้อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานของสหภาพยุโรปกลับมาอยู่ที่ 0.00% อีกครั้งหลังจากติดลบมาตลอดตั้งแต่ปี 2557 โดยอัตราล่าสุดก่อนปรับขึ้น อยู่ที่ระดับ -0.50%   

 

การขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 ก.ค.นี้ ท่ามกลางบริบทที่ยุโรปกำลังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ สืบเนื่องจากวิกฤติราคาพลังงาน โดย อัตราเงินเฟ้อในสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อคำนวณแบบรายปีกระโดดไปอยู่ที่ 9.6% ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ในกลุ่มประเทศยูโรโซนทั้ง 19 ประเทศ มีเงินเฟ้อที่ 8.6%

 

สื่อต่างประเทศระบุ ก่อนหน้านี้ ECB มีแผนขึ้นอัตราดอกเบี้ยในกรอบแคบกว่านี้ แต่ที่สุดแล้วก็ตัดสินใจเคลื่อนไหวเชิงรุกมากขึ้นตามผลประเมินความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ

คริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB

นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวว่า เงินเฟ้อยังคงสูงอยู่ และจะคงอยู่เหนือเป้าหมายของ ECB ไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งการตัดสินใจเรื่องนโยบายการเงินของ ECB จะขึ้นอยู่กับข้อมูลในแต่ละเดือน

 

นอกจากนี้ ECB ยังเปิดเผยมาตรการใหม่สำหรับช่วยเหลือประเทศหนี้สินสูงในยูโรโซน เรียกว่า กลไกปกป้องการทำธุรกรรม (Transmission Protection Instrument หรือ TPI) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อคงสภาพต้นทุนกู้ยืมในประเทศหนี้สูงในกลุ่มยูโรโซน เช่น อิตาลี และกรีซ เพื่อรักษาความเป็นหนึ่งเดียวภายในกลุ่มประเทศผู้ใช้เงินสกุลยูโรเอาไว้

 

ทั้งนี้ ภายใต้กลไก TPI จะทำให้ ECB สามารถเข้าซื้อพันธบัตรจากประเทศที่มีหนี้สินจำนวนมาก เช่น อิตาลี เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร และลดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก

 

ประเทศที่เข้าเกณฑ์ได้รับความช่วยเหลือจาก TPI จะต้องเป็นประเทศที่มีคุณสมบัติดังนี้ คือ

  • เป็นประเทศที่ปฏิบัติตามกรอบงบประมาณของสหภาพยุโรป (EU)
  • ไม่ขาดดุลงบประมาณมากกว่าที่กำหนด
  • ไม่เกิดภาวะไร้สมดุลในเศรษฐกิจกิจมหภาคอย่างรุนแรง
  • และมีหนี้ที่มีความยั่งยืนตามการพิจารณาของคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

พร้อมกันนี้ ในการประชุมครั้งล่าสุด ECB ยังได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ 0.50% สู่ระดับ 0.50% จากเดิมที่ระดับ 0% และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.50% สู่ระดับ 0.75% จากเดิมที่ระดับ 0.25%