ECB มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสู่ระดับ 0.75% และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์สู่ระดับ 1.25% รวมทั้งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สู่ระดับ 1.50% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 14 ก.ย.
นอกจากนี้ ECB ยังส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยระบุว่า "อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงเกินไป และมีแนวโน้มอยู่สูงกว่าเป้าหมายของ ECB เป็นระยะเวลาหนึ่ง"
ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ
ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่า เหนือระดับ 1 ดอลลาร์ โดยเมื่อเวลา 18.09 น.( 8 ก.ย.65 ) ตามเวลาไทย ยูโรดีดตัวแข็งค่า 0.07% สู่ระดับ 1.001 ดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ ยูโรอ่อนค่าต่ำกว่าระดับ 1 ดอลลาร์ในวันที่ 22 ส.ค. แตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตพลังงานในยุโรป ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจยูโรโซนเผชิญภาวะถดถอย
นายมาดิส มูลเลอร์ ประธานธนาคารกลางเอสโทเนีย กล่าวว่า ECB ควรเข้มงวดในการใช้นโยบายการเงิน เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มพุ่งขึ้นต่อไป และขณะนี้อยู่สูงกว่าเป้าหมายที่ 2% ของ ECB มากกว่า 4 เท่า
สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ระดับ 9.1% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่ยูโรสแตทเริ่มรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2540 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.0% จากระดับ 8.9% ในเดือนก.ค.