เงินปอนด์ ของ อังกฤษ อ่อนค่าลง 0.617% สู่ระดับ 1.145 ดอลลาร์ ณ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทยวานนี้ (7 ก.ย.) หลังจากดิ่งลงแตะ 1 ปอนด์ต่อ 1.141 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าอ่อนค่าสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 37 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2528 เป็นต้นมา ทั้งยังมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง หลังจากที่นักลงทุนพากัน เทขายเงินปอนด์ เพราะคาดการณ์ว่าภาพรวมเศรษฐกิจของอังกฤษไม่สู้ดีนัก
นอกจากนี้ เงินปอนด์ยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ จากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นักวิเคราะห์มองว่าสาเหตุที่ เงินปอนด์ร่วงหนัก ในครั้งนี้ เป็นผลจาก
ทางด้าน ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) แถลงคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของอังกฤษจะเผชิญภาวะถดถอยยาวนานมากกว่า 1 ปี โดยจะเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีนี้ (2565) ไปจนถึงสิ้นปีหน้า (2566)
BoE คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเผชิญภาวะถดถอยนานถึง 5 ไตรมาส ซึ่งเป็นช่วงเวลายาวนานที่สุดนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจโลกเผชิญวิกฤตการเงิน โดยรายได้ในภาคครัวเรือนของอังกฤษจะทรุดตัวลงอย่างหนักในปี 2565-2566 ขณะที่การบริโภคเริ่มหดตัว
สื่อต่างประเทศรายงานอ้างอิงข้อมูลจาก Refinitiv ระบุว่า ในปีนี้ เงินปอนด์ลดค่าลงไปแล้วมากกว่า 15% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ในสัปดาห์หน้า ทาง BoE จะประชุมกันและคาดว่าจะมีการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5-0.75% เพื่อสกัดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ทิศทางของค่าเงินปอนด์ต่อจากนี้จะขึ้นอยู่กับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลอังกฤษชุดใหม่ที่นำโดยนาง ลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวจะเปิดเผยในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ในเบื้องต้นนางทรัสส์ เตรียมประกาศรายละเอียดของนโยบายรับมือราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นในวันนี้ (8 ก.ย.) โดยเธอยืนยันว่าจะไม่มีการเก็บภาษีเพิ่มจากบรรดาบริษัทพลังงาน
อ่านเพิ่มเติม: "เงินเยน" ยังอ่อนได้อีก แนวโน้มทะลุ 145 เยน/ดอลลาร์ เร็วๆนี้