มันนิกซ์วางตำแหน่ง แอป FINNIXขึ้นแท่นผู้นำสินเชื่อดิจิทัลปี68

07 ธ.ค. 2565 | 23:37 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ธ.ค. 2565 | 19:24 น.

มันนิกซ์ดัน FINNIXขึ้นแท่นอับดับ1 แอปนาโนไฟแนนซ์ดิจิทัลปี68 พร้อมทำ IPO เข้าตลาดขยายฐานลูกค้าแตะ2ล้านรายสินเชื่อ 3 หมื่นล้าน หลังสิ้น66 ขึ้นท๊อป3

 

 

มันนิกซ์วางตำแหน่ง แอป FINNIXขึ้นแท่นผู้นำสินเชื่อดิจิทัลปี68 ในส่วนของบริษัทมันนิกซ์นั้นคาดว่าสิ้นปี2565จะมีฐานลูกค้า 6.5แสนราย ยอดคงค้างสินเชื่อ 6,000ล้านบาทหรือยอดสินเชื่อรวมอยู่ที่ 1.5หมื่นล้านบาท   ส่วนใหญ่เป็นพอร์ตสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์เป็นหลัก  


แต่สำหรับลูกค้าที่มีรายได้ 3หมื่นบาทขึ้นไปต่อเดือน (รายได้ขั้นต่ำอยู่ที่8,000-10,000บาทต่อเดือน)และมีวินัยในการชำระที่ดีจะมียกระดับให้เป็น สินเชื่อส่วนบุคคลโดยคิดดอกเบี้ยในอัตรา 4.99%ต่อปี ส่วนสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ปัจจุบันจะคิดดอกเบี้ยตามเพดานที่อัตรา 33% ต่อปี 

ส่วนการพิจารณาอนุมัตินั้น บริษัทได้ปรับลดจาก 25% เหลือ 20% ทั้งนี้เนื่องจากแนวโน้มคุณภาพลูกค้ามีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น   แต่อัตราอนุมัติยังสูงกว่าภาพรวมของตลาด2 เท่า เฉลี่ยยอดการอนุมัติของตลาดจะอยู่ที่กว่า 10% เท่านั้น

 

สำหรับเป้าหมายการเติบโตในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าปล่อยยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นอยู่ที่ 12 ล้านครั้ง จากสิ้นปี 2565

มันนิกซ์วางตำแหน่ง แอป FINNIXขึ้นแท่นผู้นำสินเชื่อดิจิทัลปี68

คาดว่าจะจบอยู่ที่ 8 ล้านครั้ง จำนวนฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 1 ล้านราย จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.5 แสนราย ยอดสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าสิ้นปี 2565 จะจบอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยมียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 117% ภายใต้อัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ตัวเลขหลักเดียว 

สำหรับเป้าหมายการเติบโตในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าปล่อยยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นอยู่ที่ 12 ล้านครั้ง จากสิ้นปี 2565 คาดว่าจะจบอยู่ที่ 8 ล้านครั้ง จำนวนฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 1 ล้านราย จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.5 แสนราย ยอดสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าสิ้นปี 2565 จะจบอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท

 

โดยมียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 117% ภายใต้อัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ตัวเลขหลักเดียว 

 

กลยุทธ์ทำตลาดในปี 2566 ภายใต้การสร้าง “อีโคซิสเต็ม  F.I.R.E.”   ประกอบด้วย 

 

1.Finance จะพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ รวมถึงการเข้าไปเจาะฐานลูกค้าต่างจังหวัดมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันฐานลูกค้าส่วนใหญ่ประมาณ 70% จะอยู่ในกรุงเทพ และปริมณฑล และเป็นลูกค้าต่างจังหวัด 30% คาดว่าภายหลังมีการทำแคมเปญการตลาดเพื่อรุกต่างจังหวัดมากขึ้น สัดส่วนลูกค้าต่างจังหวัดจะเพิ่มเป็น 50% และหากดูฐานลูกค้าปัจจุบันประมาณ 60% จะเป็นกลุ่มพนักงานประจำ และอีก 40% กลุ่มพ่อค้าและแม่ค้า และ

 

2.Intel เข้าใจตัวเองมากขึ้น โดยบริษัทจะมีการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าผ่านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และช่วยลูกค้าวิเคราะห์เครดิตตัวเอง 

 

3.Reward จะเป็นการต่อยอดเกมที่ให้รางวัล ซึ่งจะช่วยลูกค้ามีวินัยในการชำระหนี้ จากข้อมูลพบว่ากลุ่มที่เล่นเกมจะชำระตรงกว่าคนไม่เล่นเกม 3 เท่า และ 4.Empowerment ขยายพันธมิตร (Partner) จากธุรกิจต่างๆ เพื่อช่วยลูกค้าสร้างอาชีพและรายได้ ตั้งเป้าสร้างอาชีพลูกค้าเป็น 3 หมื่นคน จากที่ได้ช่วยเหลือไปแล้ว 1.5 หมื่นราย 

 

นางสาวถิรนันท์ กล่าวว่า  แนวโน้มปี2568    บริษัทตั้งเป้ายอดสินเชื่อรวมจะอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท มียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 6 หมื่นล้านบาท ฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 2 ล้านรายโดยพยายามรักษาคุณภาพด้วยการบริหารความเสี่ยง และมีแผนจะบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ( IPO )และวางตำแหน่งของบริษัทเป็นผู้นำอันดับ 1 ของสินเชื่อดิจิทัล ในปีเดียวกัน บนสมมติฐานการมีจำนวนผู้ใช้บริการอย่างสม่ำเสมอ และเป็นแบรนด์ในดวงใจของลูกค้า( Top of Mind )จากปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดติดอันดับ 1ใน3 (ท๊อป 3) 

 

"เราพยายามจะใช้แอปฟินนิกซ์ในการดึงลูกค้าให้ถอนตัวออกมาจากหนี้นอกระบบมาใช้บริการในระบบมากขึ้น  ซึ่งมีแผนขยายฐานไปต่างจังหวัดมากขึ้น"